‘พิธา’ เตือนอย่าเห็นอนาคตชาติเป็นศัตรู ติง 2 ป. เล่นแต่การเมือง เมินแก้ปัญหาประชาชน
เผย ‘ก้าวไกล’ เตรียมยุทธศาสตร์ทุกฉากทัศน์ เดินหน้าส่งครบทั้ง 400 เขต จับตาเปิดตัว “นโยบายเรือธง” 28 ม.ค. นี้
วันนี้ (25 ม.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบคำถามสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงกิจกรรมคาร์ม็อบเรียกร้องปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ตลอดจนกิจกรรมยืนหยุดขังที่พรรคก้าวไกลไปร่วมด้วย
นายพิธา ชี้แจงว่า ไม่ห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล แต่กังวลสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งมองว่าการเคลื่อนไหวของเยาวชนนั้นเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องวาระทางสังคมในการคืนสิทธิการประกันตัว
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังเป็นกังวลเรื่องของการใช้อำนาจ กดขี่ประชาชน และการใช้ความรุนแรงที่ส่วนใหญ่เกิดจากตำรวจ จึงเรียกร้องไปยังภาครัฐและฝ่ายความมั่นคงว่า อย่าเห็นอนาคตของชาติเป็นศัตรู แต่รัฐควรจะมีหลักประกันความปลอดภัยให้กับบุคคลที่ออกมาเรียกร้องระบบนิติรัฐนิติธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศ
สำหรับการลงพื้นที่ของ 2 ป. ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นการลงพื้นที่ตัดหน้ากันนั้น นายพิธา กล่าวว่า ห่วงเรื่องของปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า ทั้งเรื่องการทุจริต ยาเสพติด หรือฝุ่น PM 2.5 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เอาเวลาไปบริหารประเทศแต่กลับนำเวลาไปเล่นการเมือง หาเวลาเข้าสู่อำนาจ
ส่วนความพร้อมในการคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในขณะนี้ นายพิธา เปิดเผยว่า เตรียมเกือบครบแล้ว ในช่วงคงสุดท้ายก็จะดำเนินการให้ครบทั้ง 400 เขต และในวันที่ 28 ม.ค. นี้ในการประชุมใหญ่สามัญของพรรคจะมีการเปิดนโยบาย เป็น “นโยบายเรือธง” จากนั้นก็จะลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดหวังที่จะปักธงสนามเลือกตั้ง คว้าเก้าอี้ ส.ส. ในกรุงเทพมหานครให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้แกนนำพรรคก้าวไกลยังอยู่ระหว่างการวางแผนถึงยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการหาเสียงเลือกตั้ง วางไว้หลายฉากทัศน์ทางการเมือง ทั้งฉากทัศน์ที่มีการยุบสภา หรือการครบวาระของรัฐบาล
และสำหรับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายพิธา กล่าวว่า จะเป็นผู้อภิปรายนำในส่วนของพรรคก้าวไกล ซึ่งถือเป็นการตรวจการบ้านในเรื่องของการทุจริต หรือการประพฤติมิชอบ การบริหารแผ่นดินที่ล้มเหลวทั้งสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ส่วยอุทยานฯ ส่วยทุนจีน รวมถึงเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งจนถึงตอนนี้ประชาชนยังไม่ได้รับคำตอบคำชี้แจงจากนายกรัฐมนตรี