กมธ.งบฯ จ่อเชิญผู้แปรญัตติเข้าชี้แจง พรุ่งนี้ ย้ำ ปมเบิกเงินเหลื่อมปีต้องเป็นไปตามระเบียบ

กมธ.งบฯ เผย นัดประชุมคณะกรรมาธิการครั้งต่อไปพรุ่งนี้ จ่อเชิญผู้แปรญัตติเข้าชี้แจง ย้ำ ปมเบิกเงินเหลื่อมปีต้องเป็นไปตามระเบียบ คาดเสนอรายงานเข้าสภาฯ 31 ก.ค.
วันนี้ (24 ก.ค. 67) ที่รัฐสภา นายธีระชัย แสนแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมธิการ (กมธ.) งบประมาณเพิ่มเติม 2567 และ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.พรรคชาติไทยพัฒนา แถลงความคืบหน้าการพิจารณารร่าง พ.ร.บ.งบเพิ่มเติม 67 ว่ามีผู้แปรญัตติ 25 คน และการประชุมคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม กมธ.เชิญ 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงพาณิชย์, สำนักงบประมาณ, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน), สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, สำนักงานกฤษฎีกา และสมาคมธนาคารไทย พิจารณาประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเหลื่อมปี ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีกำหนดการเปิดลงทะเบียน และจ่ายเงินอยู่คนละปีงบประมาณ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่า มีการกันเงินเบิกเงินเหลื่อมปีต้องเป็นเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการเบิกจ่าย ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ทั้งนี้ เงื่อนไขของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคือ เมื่อมีผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการจะมีการตรวจสอบสิทธิว่าบุคคลดังกล่าวมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขของโครงการหรือไม่ เมื่อตรวจสอบเสร็จจะมีระบบตอบกลับไปยังผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการ และมีผลทำให้สามารถดำเนินการการเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้
2.ประเด็นกำหนดรายการยกเว้นสินค้า (negative list) ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามมติคณะรัฐมนตรีได้กำหนด negative list จำนวน 15 รายการ และมติของคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตล่าสุด ได้เพิ่ม negative list อีก 3 รายการ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร รวมธุรกิจบริการอีก 1 รายการ เป็น 19 รายการ ทั้งนี้ สามารถแก้ไขปรับปรุงสินค้า negative list เพิ่มเติมได้
นายธีระชัย กล่าวว่า กำหนดนัดประชุมคณะกรรมาธิการครั้งต่อไป วันที่ 25 ก.ค. 67 เวลา 13.30-15.00 น. โดยเชิญผู้แปรญัตติเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ พิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ และตรวจรายงานของคณะกรรมาธิการ ก่อนเสนอรายงานเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป คาดว่าจะเข้าสภาฯ ในวาระ 3 วันที่ 31 ก.ค.นี้
นายเสมอกัน กล่าวว่า กมธ.เป็นห่วงผู้ค้ารายย่อย เพราะกำหนดกฎเกณฑ์ว่าคนที่จะเป็นผู้ค้าที่จะเป็นรับการจ่ายเงินดิจิทัลหรือ token จะต้องมาจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ได้ข้อสรุปมาว่าบุคคลธรรมดาหรือใครก็ได้ที่อยู่ในระบบฐานภาษี ทั้งพ่อค้าหาบเร่ แผงลอย รถเข็นหมูปิ้ง รถเข็นลูกชิ้น หากพ่อค้าคนนั้นลงทะเบียนใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก เข้าสู่ระบบภาษี และการที่เราอยู่ในระบบฐานภาษี ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเสียภาษี ถ้ารายได้เราไม่ถึง
นอกจากนี้ กมธ.ตั้งข้อสังเกตถึงการใช้เงิน การหมุนเวียนเงินดิจิทัลครั้งแรกจะต้องเป็นการใช้แบบ face to face ต้องไปแสดงตัวในการใช้เงิน แล้วผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงกว่า 2 ล้านคน จะทำอย่างไร กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ไม่ว่านโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่ง ผู้พิการที่มีบัตรคู่กับบัตรประชาชนสามารถให้คนอื่นไปใช้แทนได้ ยืนยันว่า ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่อยู่ในระบบ จะได้ใช้เงินตรงนี้อย่างแน่นอน