POLITICS

ศปปส. ยื่นหนังสือถึง สถานทูตสหรัฐอเมริกา เรียกร้องหยุดแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย

ศปปส. ยื่นหนังสือถึง สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เรียกร้องหยุดแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เผย จับตาสถานทูตอื่นๆ หากมีการแทรกแซง พร้อมเคลื่อนไหว ซัด หากรัฐบาลก้าวไกล แก้ ม.112 เตรียมสู้หัวชนฝา

วันนี้ (23 พ.ค. 66) เวลา 13:00 น. กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน เข้ายื่นหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ยุติการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ พร้อมพูดคุยกับ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และรับหนังสือ

นายอานนท์ เปิดเผยว่าวันนี้พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านทูตออกมารับหนังสือด้วยตัวเอง พร้อมขอบคุณท่านทูตที่ออกมารับหนังสือ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ และขอให้อยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุข

นายอานนท์ ยังได้ยกตัวอย่างกรณีที่ระบุว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา โดยได้กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.สหรัฐอเมริกา เรียกร้องรัฐบาลไทยให้รักษาหลักการประชาธิปไตย – จัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ และเป็นธรรม และมติวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งมีหลายประเด็น แต่ประเด็นหลักๆ คือเรื่องให้รัฐบาลไทยแก้ไขมาตรา 112 และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง

นายอานนท์ กล่าวต่ออีกด้วยว่ามีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจ คิดว่าคนที่โดนมาตรา 112 คือนักโทษทางการเมือง แต่ไม่ใช่ เป็นเรื่องของสถาบันที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง อีกทั้งพวกตนเองที่ไปแจ้งความ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 (1) ไม่ใช่เป็นผู้ที่ไปดำเนินคดีเองตามที่ปรากฏข้อมูลในโลกออนไลน์ ซึ่งพวกเราแค่นำข้อมูลไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลายฝ่ายต้องการให้แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวยังมีความคลุมเครือในการบังคับใช้ หรือการตีความนายอานนท์ ตอบว่า “มันคลุมเครืออะไร กฎหมายก็คือกฎหมาย เขาเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว กฎหมาย 112 ไม่ได้ไปรุกรานบ้านคุณ มันอยู่ในกระดาษ อยู่ในรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองต้องมีกฎระเบียบในสังคม ไม่งั้นประเทศก็จะวุ่นวาย ฉะนั้นกฎหมาย ม.112 ไม่ได้รุกรานใคร และไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล กลุ่ม ศปปส.จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ นายอานนท์ กล่าวว่าเราไม่สามารถพูดแทนคนไทยทั้งประเทศได้ แต่ถ้าเป็นกลุ่ม ศปปส. ยืนยันว่า เราจะสู้หลังชนฝาแน่นอน และคัดค้านหัวชนฝาอย่างแน่นอน ฉะนั้นอย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ง่ายๆ ซึ่งตนเองมั่นใจว่า รัฐบาลก้าวไกลไม่ได้เกิดหากยังต้องการยุ่งกับกฎหมายมาตรา 112

ส่วนกรณีที่กลุ่มมีการขับ ‘ป้าลักษณ์’ อดีตสมาชิก ศปปส. ออกจากกลุ่ม นายอานนท์ ระบุว่า ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็น เพราะป้าลักษณ์เป็นสมาชิกของ ศปปส. คนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมามีสมาชิกที่เข้าออกกลุ่มในลักษณะนี้หลายคนเช่นกัน ที่ต้องออกมาโพสต์ในตอนนั้นเพราะไม่อยากให้เกิดการกระทบกระเทือนกลุ่ม และเราคัดค้านไม่สนับสนุนพรรคการเมืองสีส้ม ในเมื่อป้าลักษณ์พูดลักษณะแบบนั้น เราเตือนแล้วไม่ฟัง ก็จำเป็นต้องปลดไปก่อน พร้อมย้ำว่าไม่มีอะไรเดี๋ยวก็ดีกัน ที่ทำลงไปเพียงแค่ต้องการลงโทษ และเดี๋ยวก็มีโอกาสกลับมาเพราะกลุ่มเพื่อนของป้าลักษณ์ก็ยังอยู่ในกลุ่ม ศปปส.

ทั้งนี้ นายอานนท์ ยืนยันว่า หากยังมีการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ก็จะมีการเคลื่อนไหวอีกอย่างแน่นอน ซึ่งพวกเราจะจับตาดูสถานทูตของทุกประเทศที่จะพยายามมาแทรกแซง หรือเข้ามายุ่งกับกิจการภายในประเทศ และเราจะออกมาทักท้วง โดยจะคอยดูปฏิกิริยาของสหรัฐอเมริกาต่อการที่มายื่นจดหมายในครั้งนี้

จากนั้น กลุ่ม ศปปส.ได้รวมตัวที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนจะประกาศยุติกิจกรรม

ต่อมาเมื่อเวลา 14.09 น. เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค ได้ทวีตข้อความผ่านแอคเค้าท์ @USAmbThailand ว่า

“ผมได้พบกับกลุ่มคนที่มารวมตัวกันหน้าสถานทูตสหรัฐฯ รับจดหมายเรียกร้อง และรับฟังความเห็นของพวกเขา ผมยังได้ขอบคุณที่พวกเขามา อีกทั้งได้ย้ำว่าสหรัฐฯ เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย รวมทั้งการที่ประชาชนไทยยกย่องเทิดทูนพระบรมวงศานุวงศ์อย่างสูง

ผมยังเน้นด้วยว่าสหรัฐฯ ไม่ได้หวังให้ผลการเลือกตั้งเป็นแบบหนึ่งแบบใด และไม่ได้สนับสนุนพรรคหรือผู้สมัครใด เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตยของไทย ประชาชนชาวไทยเท่านั้นควรเป็นผู้เลือกว่าใครจะเป็นผู้บริหารประเทศ” บ๊อบ โกเดค

“I met a group of demonstrators outside U.S. Embassy Bangkok, received their petition and heard their views. I thanked them for coming and reiterated that the U.S. respects the institution of the Thai monarchy and the great esteem in which Thais hold the Royal Family. I also emphasized that the U.S. did not have a preferred outcome in the election and does not support a party or candidate. We look forward to working with the government that emerges from Thailand’s democratic process. The Thai people alone should choose who governs them.” – Bob Godec

Related Posts

Send this to a friend