POLITICS

‘นิกรเดช‘ เผยสถานการณ์สู้รบเมียวดีดีขึ้นแต่ยังไม่แน่นอน ด้านผู้หนีภัยเริ่มทยอยกลับแล้ว

‘นิกรเดช‘ เผย ‘ปานปรีย์’ ลงพื้นที่แม่สอดสร้างขวัญกำลังใจให้คนชายแดน ชี้สถานการณ์สู้รบเมียวดีดีขึ้นแต่ยังไม่แน่นอน ด้านผู้หนีภัยเริ่มทยอยกลับแล้ว

วันนี้ (24 เม.ย. 67) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการลงพื้นที่ตามแนวชายแดนตลาดริมเมย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อ.แม่สอด จ.ตาก ของ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ตามที่ได้รับรายงานตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.67 ไม่มีการสู้รบในบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 โดยผู้หนีภัยความไม่สงบที่มาอยู่ในฝั่งไทยสูงสุดคือ 3,000 กว่าคน แต่ตอนนี้ได้เดินทางกลับไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยจำนวนที่ยังอยู่ในไทยตอนนี้ประมาณ 650 คน และคาดว่ามีแนวโน้มที่ผู้หนีภัยจะเดินทางกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

กองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ก็มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา หากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเพิ่มกำลัง ทั้งนี้การดำเนินการดูแลผู้หนีภัยความไม่สงบนั้น เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยเมื่อมีคนเดินทางเข้ามาก็จะมีพื้นที่แรกรับเพื่อแยกแยะว่าคนกลุ่มใดเพื่อเก็บข้อมูล

ถัดมาคือการนำคนเหล่านั้นไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวก่อนที่จะไปยังพื้นที่พักรอ ซึ่งตอนนี้ทางการไทยมีพื้นที่พักรอเกิน 50 จุด และกาชาดได้ตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของจากเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงองค์กรอื่น ๆ ตลอดจนคนไทยในพื้นที่ด้วย

สำหรับการค้าชายแดน ได้รับผลกระทบพอประมาณตั้งแต่เดือนมกรา-มีนาคม พบว่าปริมาณการค้าในชายแดนลดลงประมาณไม่เกิน 20% แต่สิ่งที่สำคัญมากที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว้าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงพื้นที่คือ เรื่องขวัญกำลังใจของประชาชน ซึ่งท่านต้องการให้ประชาชนตามแนวชายแดนความสบายใจ และมีความมั่นใจในมาตรการที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการอยู่

“ขวัญ และกำลังใจของประชาชนในตามแนวชายแดนยังมีมาก ซึ่งประชาชนในพื้นที่ทราบดีว่า สามารถขอย้ายไปยังพื้นที่ที่มีความปลอดภัยได้ หากมีความจำเป็น รวมถึงกองกำลังนเรศวรยังมีชุดทหารเดินสายให้ความรู้ และให้ความมั่นใจแก่ประชาชนเพื่อประเมินถึงความเสี่ยงหรือไม่ในพื้นที่ ซึ่งสามารถลดกระแสความกังวลของประชาชนได้มาก”

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบันตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานมานั้นพบว่า สถานการณ์ดีขึ้นค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดีฝ่ายไทยก็ยังคงติดตามสถานการณ์ และเรายังคงประเมินว่า สถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยมีแผนที่จะรองรับสถานการณ์ ขอให้ประชาชนในพื้นที่มีความสบายใจ และไว้วางใจได้ว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก

Related Posts

Send this to a friend