‘อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล‘ ชูนโยบายพรรคพลวัต เน้น เศรษฐกิจชุมชน

ชี้ เจาะจงไปมากกว่าภาพใหญ่ หวัง เติบโตได้ดีขึ้น มอง ไทยมีทุนทางเอกลักษณ์ – วัฒนธรรม – ทรัพยากร แต่ต้องนำไปเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่

วันนี้ (23 ธ.ค. 68) นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล พรรคพลวัต ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายเศรษฐกิจชุมชนของพรรคพลวัต จะแตกต่างจากนโยบายเดิมอย่างไร ว่าเศรษฐกิจชุมชน เป็นหน่วยเล็กลงไปในระดับหมู่บ้าน ระดับกลุ่ม ซึ่งตนเองคิดว่าเป็นแรงขับเคลื่อนพื้นฐานของเศรษฐกิจ ที่จะทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น พื้นฐานเดิมที่ตนเองสนใจ และทำงานมานานคือเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดังนั้น จะหยิบเอาประเด็นนี้มาใส่กับเศรษฐกิจชุมชน คือสิ่งสำคัญสิ่งแรกต้องเป็นทุนของชุมชน โดยแต่ละชุมชนก็จะมีลักษณะต่างกัน เช่น ชุมชนด้านการเกษตร ก็จะหยิบเอาวิธีการการผลิตด้านการเกษตร บวกกับการแปรรูปของสินค้าเกษตร การเปลี่ยนจากการแปรรูปเป็นอย่างอื่นวัสดุเคมีหรืออื่น ๆ ได้อีก

สิ่งที่เราเรียกว่าทุน นอกจากทุนทางเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมแล้ว ทุนที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติถูกหยิบมาใช้แต่ไม่ถูกมองในมุมกว้าง ต้องมีการออกแบบทางด้านบริการเข้าไป เพื่อให้เกิดสิ่งอื่น เช่น ที่พัก แหล่งทรัพยากรทางด้านการท่องเที่ยว เรามีคนเข้ามาเที่ยวในชุมชนมากขึ้น สร้างลักษณะเฉพาะตามแหล่งชุมชนทั้งนั้น เป็นประเด็นที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งทุนทรัพย์ แต่เดิมเรามีกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งก็มีบางอันที่ล้มหายตายจาก เอาเงินคืนกลับมาไม่ได้ ดังนั้น ต้องจัดการต้องมากระตุ้นรัฐบาล ว่าทำอย่างไรให้ทุนที่เป็นกองทุนหมู่บ้านมันถูกจัดการด้วยวิธีใหม่ ที่ทำให้การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และหาโมเดลทางธุรกิจเฉพาะทาง ให้มันเกิดขึ้น ดังนั้น จะเกิดปัจจัยทางด้านการตลาดใหม่ ๆ เกิดขึ้น สิ่งที่เราละเลย คือเทคโนโลยีที่เหมาะสม เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะปล่อยให้การทำธุรกิจในชุมชนอยู่ในสภาพเดิม ดังนั้น ธุรกิจสมัยใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น การใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใส่เข้าไปในชุมชน เพื่อพิสูจน์ตั้งแต่ต้นทางการผลิต และปลายทาง หรือแม้กระทั่งในวิธีการขายก็เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการอัพสกิล รีสกิลด้วย แต่ก่อนความหมายกว้างมาก ต้องกลับมาเชื่อมโยงกับโลกของอนาคต คือสกิลฟิวเจอร์ว่าคืออะไร และไปเสริมกับอาชีพที่เขาทำอยู่แล้ว เพื่อเชื่อมต่อกับตลาด และโลกอีกโลกหนึ่ง

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ดูเรื่องซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาลชุดเก่า คิดว่าเรื่องนี้จะต้องถูกผลักดันต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตนเองยังให้การผลักดันซอฟพาวเวอร์ในหลายประเภท คงไม่ได้ทำแบบตรงไปตรงมา เนื่องจากว่า ถ้าเราอยากเห็นผลแบบเร็ว เราอาจจะต้องทำกับคนที่พร้อมแล้ว ที่พร้อมจะไปอยู่ในตลาด ต้องไปส่งเสริมคนเหล่านี้ อีกกลุ่มคือคนที่พร้อมที่จะขึ้นไปอยู่ในระดับตลาดเวทีสากล เรามีความสามารถ แต่เราไม่ถูกผลักดันให้มันชี้เป้าลงไป เราผลักดันแต่ภาพใหญ่ ภาพกว้าง หรือแม้กระทั่ง โรงเรียนสอนภาษาไทย ในต่างประเทศ คนเข้าเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสามารถของวัฒนธรรม หากเราขยับขยายเรื่องนี้ จะส่งผลในธุรกิจอื่น ทั้งการท่องเที่ยวส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในเรื่องใหม่ใหม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะผลักดันเรื่องนี้ อาจจะไม่ผลักดันในภาพใหญ่มาก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนเองทำงาน และผลักดันในภาพใหญ่ มันเดินช้ามาก แต่ถ้าผลักดันในประเด็นที่เฉพาะ เช่น การเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วิธีการคิดที่เรียกว่าดีไซน์ มาเก็ตติ้ง ไปใช้กับอุตสาหกรรมอื่น การนำหลักของ Creative Economy ไปกับอุตสาหกรรมอื่น เพราะตอนนี้การบริการแซงหน้าฐานการผลิตไปแล้ว เชื่อว่าหากเชื่อมโยงได้ จะสามารถยกระดับส่วนนี้ได้