นายกฯ เปิดปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน
นายกฯ เปิดปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน พร้อมมอบนโยบายชี้ต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวบูรณาร่วมกันทั้งในและนอกประเทศ ป้องกัน-ปราบปราม-บำบัด ขอทุกคนตั้งใจทำงาน ต้องทำให้ครบวงจรปัญหาจะเบาบางลง ‘สมศักดิ์’เน้น 7 ปฏิบัติการแก้ปัญหาแบบครบวงจร เผยยึดทรัพย์ได้แล้ว 6,879 ล้านบาท
วันนี้ (23 พ.ย. 65) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต มีการเปิดปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระยะเร่งด่วน 3 เดือน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เวลานี้ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง เพราะผู้ค้ายาประเทศเพื่อนบ้าน ยังใช้ไทยเป็นทางผ่านในการกระจายสินค้ายาเสพติด รวมถึงการผลิตที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้มีปริมาณมาก และยังมีการลดราคาเพื่อจูงใจผู้เสพ โดย ป.ป.ส. บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน คือ กระทรวงกลาโหม , กระทรวงมหาดไทย , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , กระทรวงยุติธรรม และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร
ทั้งยังมีการตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ พาลีปราบยา ที่มีแนวทางการทำงานในเรื่องของการสอบสวนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ป.ป.ส. , ปปง. และ บช.ปส. สอบสวนเส้นทางการเงิน และในปี 2566 เราได้นำแนวทาง 6 มาตรการ 1 พื้นที่ต้นแบบ 18 ภารกิจเร่งด่วน แต่สิ่งที่เรามุ่งเน้นที่สุดคือ 7 จุดเน้นปฏิบัติการ ประกอบด้วย
- ตรวจสอบ ควบคุมการนำเข้าและส่งออกสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ที่นำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด
- สืบสวน ขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน มีเป้าหมาย 1,000 เครือข่าย มูลค่า 100,000 ล้านบาท โดยยึดได้แล้ว 6,879 ล้านบาท
- จัดตั้งศูนย์กลางบูรณาการข้อมูลด้านยาเสพติดแห่งชาติ โดยป.ป.ส. ได้ร่วมกับหน่วยงานบูรณาการเพื่อประสานเชื่อมโยงและบูรณาการ แลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน
- ตรวจสอบติดตามและดำเนินการตามข้อร้องเรียนของประชาชน ผ่านสายด่วน 1386 ที่ผ่านมามีการรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 2,562 เรื่อง ดำเนินการไปแล้ว 183 เรื่อง การทำระบบ Box Chain เป็นการให้เงินรางวัลนำจับผ่าน คริปโตเคอเรนซี่ เพื่อปกปิดและป้องกันคนแจ้งเบาะแส ช่วยให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยกล้าแจ้งเบาะแสมากขึ้น
- ค้นหา คัดกรอง ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดและผู้มีอาการทางจิตเวช จากการใช้ยาเสพติด เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา โดยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย
- ลดความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน มุ่งเน้นการดำเนินงานในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน เพิ่มบทบาทหมู่บ้าน/ชุมชนและผู้นำในพื้นที่ให้เป็นกลไกสำคัญในการป้องกันปัญหายาเสพติด และ
- จัดการปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร “หนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด” สร้างต้นแบบในการจัดการปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และนายสมศักดิ์ ร่วมได้มอบเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการริบทรัพย์สินคดีสำคัญจากตัวแทน 4 ราย เป็นคีดตั้งแต่ปี 2539-2562 รวมเป็นเงิน 90 ล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวมอบนโยบายการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่า เราต้องทำต่อเนื่อง ปัญหายาเสพติดมีความซับซ้อน เมื่อเราปรับวิธีการผู้ค้าก็ปรับตัว เราต้องแก้ปัญหาให้ได้เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง สังคมและเศรษฐกิจของประเทศ เราต้องเข้าใจ บูรณาการหน่วยงานต่างๆ สู่ระดับชุมชน ทั้งการปราบปราม ป้องกันและฟื้นฟู เราต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศต่างๆ รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายระดับชาติ เราได้ปรับปรุงประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ การปราบปรามขยายผล มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันนี้ขอเน้นย้ำให้ทุกคนทุกหน่วยงาน ปฏิบัติตามแผนตามที่ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติได้กำหนดไว้แล้ว เราต้องทำให้คนไม่เสพใหม่ ไม่อยากเสพ ก็จะทำให้ไม่มีคนขาย ที่สำคัญกระทรวงศึกษาธิการ ต้องสร้างความรู้ที่ถูกต้องให้กับเยาวชน สถานศึกษาก็ต้องมีมาตรการทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่สีขาว ส่วนกองทัพก็ต้องสนับสนุนในการดูแลพื้นที่ชายแดน ถ้าทุกคนร่วมมือกันทำงาน ปัญหาจะเบาบางลง เพื่ออนาคตของลูกหลานของเรา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าววอีกว่า ในส่วนกระบวนการยุติธรรม ศาล อัยการ ก็ขอให้ดำเนินการให้เร็ว เพื่อนำผู้ทำผิดมาลงโทษ และขยายผลยึดทรัพย์ให้หมด ส่วนการบำบัด รักษาและฟื้นฟู ผู้เสพรายเก่า เราต้องนำบทเรียนทุกอันมาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก ขอให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งทำกฎหมายรองเพื่อให้งานออกมาประสิทธิภาพมากที่สุด กระทรวงมหาดไทยก็ต้องดูแลสอดส่องเฝ้าระวังในหมู่บ้านต่างๆ ทั้งการจัดอาสาสมัครหมู่บ้านและผู้นำชุมชนต่างๆ นอกจากนี้เรายังต้องบูรณาการฐานข้อมูลยาเสพติด หากเราบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงานเพื่อเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ และหน่วยงานต่างๆต้องทำแผนและรายงานให้ทราบเป็นระยะ และที่สำคัญทุกหน่วยงานต้องตรวจสอบ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดไม่ให้ไปเกี่ยวข้อง หากพบต้องถูกลงโทษอย่างหนักรวมถึงผู้บังคับบัญชาก็ต้องมีโทษด้วย
“การจะเดินหน้าได้เราต้องมีความเชื่อมั่น ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้คือความร่วมมือที่เราต้องทำไปด้วยกัน ไม่มีประเทศไหนแก้ปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว เราต้องร่วมมือกัน รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะขจัดยาเสพติดให้หมดสินไปจากประเทศไทย เราระดมเจ้าหน้าที่อย่างเต็มสรรพกำลัง ซึ่งนอกจากการปราบปรามแล้ว การคืนคนดีสู่สังคมก็เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องให้โอกาสผู้เสพกลับตัวไปสู่อ้อมกอดของครอบครัว เพื่อให้เป็นแรงขับเคลื่อนสังคมต่อไป เราอยากให้บ้านเราเจริญเติบโต ค้าขายได้ดี ประชาชนมีความสุข ทั้งหมดมาจากพื้นฐานจากความมั่นคงทั้งสิ้น ในช่วงการประชุมเอเปก เราเห็นบ้านเมืองสวยงาม รับแขกบ้านแขกเมือง ทำให้เห็นถึงคนไทยที่มีรอยยิ้ม เป็นเจ้าบ้านที่ดี ก็หวังว่าบ้านเมืองจะสงบไปเรื่อยๆ เพื่อให้บ้านเมืองดีกว่าเดิม อะไรที่ติดขัดก็แก้ไข ซึ่งเรายินดีร่วมมือทำงานกับทุกประเทศทุกหน่วยงาน หากเรารวมใจเป็นหนึ่งเดียวแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจ ทุกอย่างจะสำเร็จ” นายกฯ กล่าว