POLITICS

‘พิธา’ ย้ำจำเป็นต้องขึ้นค่าแรง ให้สอดคล้องค่าครองชีพ

‘พิธา’ ย้ำจำเป็นต้องขึ้นค่าแรง ให้สอดคล้องค่าครองชีพ โดยคำนึงผู้ประกอบการ-ลูกจ้าง แจง MOU พรรคร่วมฯ เป็นเพียงวาระการทำงานร่วมกันขั้นต่ำเท่านั้น

วันนี้ (23 พ.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ในเรื่องของเอ็มโอยูของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค เป็นเพียงวาระการทำงานร่วมกันขั้นต่ำ

โดยในส่วนของพรรคก้าวไกล 300 นโยบาย ที่เคยหาเสียงไว้ทางพรรคพยายามผลักดันต่อให้สำเร็จ ที่เป็นวาระร่วมก็อย่างที่เห็นเมื่อวาน 23 ข้อ แต่ในขณะเดียวกันก็มีวาระเฉพาะของพรรคก้าวไกลที่พยายามผลักดันผ่านสองกลไก คือกลไกการบริหาร ในฐานะที่ตนเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็จะมีอำนาจในการบริหารจัดการให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุด และสอง คืออำนาจรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลที่จะอยู่ในกระทรวงต่างๆ ในการผลักดันวาระที่อาจจะไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู แต่อยู่ในนโยบาย 300 ข้อของพรรคก้าวไกล และสาม หากพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นเจ้ากระทรวง เราก็ยังประสานงานกับรัฐบาลร่วม ในการพูดคุยเจรจาให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงผลักดันนโยบายของพรรคเราได้

พิธา กล่าวว่าแต่อีกหลายเรื่องก็เป็นเรื่องของนิติบัญญัติ โดยเฉพาะ 45 กฎหมายที่เราได้สัญญากับประชาชนไว้ เนื่องจากเรามี ส.ส. 152 คน ก็สามารถผ่านกฎหมายเพื่อให้เกิดการถกเถียง และให้เกิดกรรมาธิการเพื่อให้ผ่านสภาเป็นกฎหมาย มีอำนาจรองรับ เช่น พ.ร.บ.น้ำประปาสะอาด, พ.ร.บ.รับรองคำหน้าอัตลักษณ์ทางเพศ เป็นต้น ถึงแม้เรื่องดังกล่าวจะไม่อยู่ในวาระร่วมของรัฐบาล แต่ก็มีหลายกฎหมายที่เราสามารถผลักดันได้ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เราได้สัญญาไว้ให้กับประชาชน

พิธา กล่าวย้ำว่า การที่มีเอ็มโอยู 23 ข้อ เป็นวาระร่วมแค่ขั้นต่ำ แต่ในขณะเดียวกันหลายประเด็นที่อาจจะทำให้ประชาชนต้องลำบาก และต้องการความเปลี่ยนแปลงผ่านกฎหมายที่ก้าวหน้า และการบริหารงานของพรรคก็จะมีวาระเฉพาะที่สามารถผลักดันได้เช่นเดียวกัน

ส่วนเรื่องที่สอง เรื่องของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยวันนี้ได้ไปประชุมแรกกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งมีประเด็นที่หารือกันหลายเรื่อง ในเรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การสนับสนุน SMEs การหาแรงงานให้ตรงกับความต้องการของต่างประเทศ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของค่าแรง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การขึ้นค่าแรงขั้นเพื่อบรรเทาทุกข์ ยังจะมีอยู่แน่นอน พรรคก้าวไกลหนุนที่ 450 บาท/วัน ส่วนพรรคเพื่อไทยหนุนที่ 400/วัน แต่ขณะเดียวกันไม่ได้นำเสนอต่อสื่อมวลชน ก็คือคำนึงถึงเรทของคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ บางรายที่สนับสนุนสมทบเงินประกันสังคม 6 เดือนแรก หรือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 2 เท่า 2 ปี สามารถที่จะหักภาษีได้ คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ หรือแม้แต่การลดภาษีของธุรกิจ SMEs จาก 20 เปอร์เซ็นต์เป็น 15 เปอร์เซ็นต์ และจาก 15 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดคือภาพใหญ่ที่มีการประชุมกัน แต่ไม่ได้ผ่านสื่อมวลชน จึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิดว่า เมื่อเป็นรัฐบาลผสม ค่าแรง 450 บาท อาจจะทำไม่ได้ทันที ซึ่งไม่เป็นความจริง

“…เรากำลังเดินหน้ารับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ แต่ยังยืนยันกับประชาชนว่า ค่าแรงขั้นต่ำมีความจำเป็นที่จะต้องขึ้น และต้องขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กันทั้ง 2 ฝั่ง…” พิธา กล่าวย้ำ

พิธา ได้ตอบคำถามเรื่องค่าแรง 450 บาทของพรรคก้าวไกล ว่ามีหลักการว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการขึ้นค่าแรงบ่อยครั้ง นับตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงอาศัยการคำนวนค่าเงินเฟ้อ และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงประสิทธิภาพของแรงงานที่เพิ่มขึ้นจำนวนค่าแรงควรอยู่ที่ประมาณ 425-440 บาทต่อวัน พรรคก้าวไกลจึงได้เสนอ 450 บาท ควบคู่กับมาตรการดูแลผู้ประกอบการไปด้วย

“…ยืนยันไม่ได้ขึ้นค่าแรงตามใจตัวเอง ขึ้นแบบมีหลักการ หลักสากล ตอนนี้ยังมีเวลาก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ดังนั้นในเวลา 2 เดือนนี้ ผมจึงต้องเดินสายพูดคุย เก็บข้อมูล เพื่อให้ทำงานเกิดความรอบคอบที่สุด…” พิธา กล่าว

Related Posts

Send this to a friend