POLITICS

กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เรียกถก ผู้พิพากษายกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. หวั่น เอื้อระบอบอุปถัมภ์

กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เรียกถก ผู้พิพากษายกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. หวั่น เอื้อระบอบอุปถัมภ์ ด้าน คนดูแลหลักสูตร เพิ่งส่งหนังสือเข้าร่วมประชุมไม่ได้เมื่อเช้านี้

วันนี้ (23 ม.ค. 68) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงวาระการประชุมศึกษาและพิจารณา ข้อเสนอยกเลิกหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรม (บ.ย.ส.) ของศาลยุติธรรมเพื่อป้องกันระบบอุปถัมภ์ ว่า วันนี้พิจารณาเรื่องข้อเสนอของผู้พิพากษาสองท่านที่จะมีการเสนอให้ศาลยุติธรรมยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. และกำหนดไม่ให้ผู้พิพากษาไปร่วมหลักสูตรอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันอย่าง ว.ป.อ. โดยมีข้อกังวลว่าหลักสูตรดังกล่าว ในการส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ที่ไปกระทบต่อความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา และอาจมีการใช้งบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงอาจไม่มีประโยชน์ที่ชัดเจนเพียงพอ จึงมีการเชิญผู้เสนอทั้งสองท่านมาร่วมชี้แจงในวันนี้ และเชิญผู้ที่รับผิดชอบหลักสูตรมาด้วย รวมไปถึงศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ, ผศ.ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง ได้มีการเสนอความเห็นในประเด็นนี้ ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าผู้เข้าร่วมประชุมจะมาทุกคน แต่รายชื่อของตัวแทน บ.ย.ส. ที่ได้ส่งมาเมื่อวันอังคาร กลับส่งหนังสือแจ้งมาเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้แล้ว ซึ่งวาระในวันนี้คงพูดคุยกับผู้เสนอเป็นหลักเกี่ยวกับข้อกังวล และข้อสงสัยเพื่อเชิญตัวแทน บ.ย.ส. มาชี้แจง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีการพิจารณา ก่อนหน้านี้เคยมีการเชิญตัวแทนของหลักสูตรอื่น ๆ มาชี้แจง ซึ่ง ณ เวลานั้น ตัวแทนของหลักสูตรอื่น ๆ ก็มาชี้แจง แต่ตัวแทนของ บ.ย.ส. ก็ไม่ได้มา โดยหากหลักสูตรเหล่านี้ ถ้านำไปสู่ระบอบอุปถัมภ์ ตนเองคิดว่าจะส่งผลเสียต่อประเทศได้ และต้องยอมรับว่าปัญหาอันดับต้น ๆ ของไทยคือเรื่องระบอบอุปถัมภ์ ที่กระทบต่อประชาธิปไตย และการพัฒนาเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าเศรษฐกิจเราพัฒนาได้ โอกาสต่าง ๆ ของความสามารถ ความพยายาม ไม่ใช่บนพื้นฐานว่าใครรู้จักกับใคร และจะเป็นการส่งเสริมให้คนพัฒนา Know How มากกว่า Know Who และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ มากกว่าการทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่มีอำนาจ และในมุมของการพัฒนาการเมือง ตนเองคิดว่าถ้าเราอยากให้การเมืองเข้มแข็ง กฎหมายทุกอย่างจะต้องถูกบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ต้องรู้สึกเสียเปรียบกับใคร เพียงเพราะรู้จักใคร ไม่ว่าจะผ่านการคัดเลือกผู้เข้าเรียนมาจากตำแหน่งหน้าที่ ก็มีความเสี่ยงที่อาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กัน หากวัฒนธรรมเหล่านี้ ยิ่งส่งเสริมความเป็นรุ่น ความเป็นพี่น้อง ที่อาจไปกระทบต่อการปฎิบัติหน้าที่ของแต่ละคน ก็เป็นความเสี่ยง ดังนั้น วันนี้ก็มาต่อยอดปีที่แล้ว และขอบคุณผู้พิพากษาทั้งสองคนที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมา การมีเสียงสะท้อน และวิจารณ์องค์กรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลง และการเชิญมาชี้แจงในครั้งถัดไปจะพยายามทำให้รวดเร็วที่สุด

นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากย้อนไปดูบันทึกการประชุมปีที่แล้ว จะเห็นว่าแม้ว่าทางผู้รับผิดชอบหลักสูตร จะพยายามชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของหลักสูตรดังกล่าว แต่กรรมาธิการเราได้สะท้อนข้อเสนอไปว่า อาจจะไม่ยกเลิก และยังคงอยู่ แต่มีแนวทางการแก้ไขอย่างไรบ้าง เพื่อให้เพิ่มความโปร่งใส และลดความเสี่ยง และเราเคยทำข้อเสนอไปแล้ว ว่าหากไม่ยกเลิก จะมีการดำเนินการอย่างไร แต่เดี๋ยวขอมารับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการประชุมในวันนี้ ท้ายที่สุดการตัดสินใจคงอยู่ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ และจะพยายามสื่อสารข้อเสนอให้รอบด้าน

Related Posts

Send this to a friend