POLITICS

‘สมเจตน์’ ชี้ หาก ‘เพื่อไทย’ แก้ รัฐธรรมนูญ 60 จะไม่โหวตให้

‘สมเจตน์’ ชี้ หาก ‘เพื่อไทย’ แก้ รธน.60 เพื่อลบกลไกตรวจสอบนักการเมืองโกง จะไม่โหวตให้ ชี้ ต้องไม่ราดน้ำมันเข้ากองไฟ ทำสังคมขัดแย้งลุกลาม ย้ำต้องเสียสัตย์เพื่อชาติอีกครั้ง จะได้รับการสรรเสริญ

วันนี้ (22 ส.ค 66) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายถึงคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน หลังได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า หลังจาก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนเองได้ลงมติไม่เห็นชอบให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เนื่องจากนโยบายกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หลังจากนั้นจึงมีความตั้งใจมาโดยตลอดว่า จำเป็นจะต้องโหวตเห็นชอบนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพราะผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงรวมกันถึง 290 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

“เมื่อผมไม่เห็นชอบให้พรรคก้าวไกล ผมก็มีความจำเป็นต้องเห็นชอบนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย มาบริหารประเทศตามที่ประชาชนรอคอย เพราะผลการเลือกตั้ง เสียงของประชาชนบังคับให้ผมลงมติเช่นนั้น แม้ผมจะไม่มีความเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยเลย ว่าจะมีอิสระในการบริหารประเทศ ดำเนินนโยบายของตนเองหรือเปล่า แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่น” พลเอกสมเจตน์ กล่าว

พลเอกสมเจตน์ ระบุว่า ทันทีที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย ก็เสนอให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยไม่มีเงื่อนไขดังกล่าว แต่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นวิกฤตรัฐธรรมนูญ เป็นวาระเร่งด่วน จึงทำให้เกิดความสงสัยในเจตนา หากประชาชนไม่มีสิทธิเสรีภาพในการลงประชามติรัฐธรรมนูญจริง เหตุใดจึงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยชนะถึง 2 ครั้ง จึงเป็นวาทกรรมอ้างเพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น

พลเอกสมเจตน์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 มีกลไกที่นักการเมืองคดโกง ทุจริตไม่ต้องการ คือกลไกให้ สว. มีส่วนร่วมในการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่อำนาจดังกล่าวก็กำลังจะหมดไปอีกไม่นาน รวมถึงกลไกลองค์กรอิสระที่เข้มงวด ที่ลงโทษนักการเมืองอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังเป็นคดีที่ไม่มีอายุความสำหรับนักการเมืองคดโกง ที่หลบหนีคดีอาญาไปเสวยสุขที่ต่างประเทศ กลไกเหล่านี้หรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการ

พลเอกสมเจตน์ มองว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้สังคมมากขึ้น และอาจเป็นเหตุให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ สร้างผลกระทบมากยิ่งกว่าการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เหตุใดรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงราดน้ำมันลงกองไฟ เพิ่มความขัดแย้งให้ลุกโชนมากขึ้น แล้วรัฐบาลเพื่อไทยจะมีปัญญาความคิดแก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างไร

“ผมขอฝากไปยังแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ท่านได้เสียสัตย์เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง ผมเข้าใจ และผมเห็นใจ หากท่านจะเสียสัตย์เพื่อความสงบสุขของประเทศอีกครั้งหนึ่ง โดยการประกาศในรัฐสภาแห่งนี้ว่า จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในทันที แต่จะไปเสนอในห้วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อสังคมเกิดความสงบสุข ไม่มีความแตกแยกกัน การเสียสัตย์ในครั้งจะได้รับการสรรเสริญว่าเสียสัตย์เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชนโดยแท้จริง ไม่ใช่การเสียสัตย์เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองของท่าน” พลเอกสมเจตน์ ระบุ

Related Posts

Send this to a friend