‘ยุทธพงศ์’ ซัดนายกฯ คิดแต่จะซื้อเรือดำน้ำ ทั้งที่ประชาชนอดอยากหิวโหย
วันนี้ (22 ก.ค. 65) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี (รมต.) เป็นรายบุคคล วันที่สุดท้าย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดมหาสารคาม เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ในประเด็นจัดซื้อเรือดำน้ำจีนไม่มีเครื่องยนต์ UAV ไร้อาวุธ สู่เครื่องบิน F-35 ไม่มีอาวุธ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ น้ำมันแพง ของแพง และความอดอยากหิวโหยของประชาชน
นายยุทธพงศ์ อภิปรายถึงข่าวเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 60 ว่า พลเอก ประยุทธ์ การันตีว่าจัดซื้อเรือดำน้ำจีนในราคาถูกที่สุด ซื้อ 2 แถม 1 คุณภาพใช้ได้ พร้อมทั้งตัดพ้อว่ากองทัพมีงบประมาณน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดสัญญาแจกแจงราคาของกองทัพเรือพบว่า ราคาที่มีการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น มีราคารวมเป็น 3 เท่าของราคาต่อลำ หรือคือจัดซื้อมา 3 ลำ ไม่ใช่ซื้อ 2 แถม 1 ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ อ้าง โดยมีรายการ ดังนี้
- เรือดำน้ำจีน ลำที่ 1 มูลค่า 12,424 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง (2560-2566) แต่ยังไม่มีเครื่องยนต์
- เรือดำน้ำจีน ลำที่ 2-3 มูลค่าลำละ 22,500 ล้านบาท (2563-2569) ซึ่งยังไม่ได้ซื้อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยคัดค้านไว้
นายยุทธพงศ์ ยังเปิดหลักฐานเว็บเพจว่า ทูตทหารเยอรมันประจำประเทศไทยแจ้งว่า ทางการจีนไม่ได้ติดต่อขอซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมันก่อนที่จะลงนามในสัญญาขายเรือดำน้ำให้กับกองทัพเรือไทย นายยุทธพงศ์ จึงตั้งคำถามว่า เมื่อกองทัพเรือไทยหารือกับบริษัท CSOC ซึ่งเป็นตัวแทนจากฝ่ายจีน เพื่อแกปัญหาในการจัดหาเครื่องยนต์ โดยทางการจีนเสนอเครื่องยนต์ของจีนรุ่น CHD 620 มาใส่แทนเครื่องยนต์ MTU 396 จากเยอรมนี แต่ทางการไทยยืนยันความต้องการเครื่องยนต์เยอรมนี และขอให้ทางการจีนแก้ไขปัญหาภายใน 60 วัน โดยมีกำหนดเส้นตายในวันที่ 9 ส.ค. นี้ จีนจะหาเครื่องยนต์ได้อย่างไร
“เรือดำน้ำส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด และทำยากที่สุด คือ เครื่องยนต์ ซึ่งประเทศจีนเขาทำเองไม่ได้ ต้องขอซื้อเครื่องยนต์ดีเซล MTU Series 396 V16 แสดงว่าตอนจะซื้อไม่ได้มีความระมัดระวังรอบคอบ เพียงแต่จะซื้อจนความเสียหายเกิดขึ้น”
อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น พลเอก ประยุทธ์ กลับไม่แก้ปัญหาซื้อของแพงแต่ไม่มีคุณภาพ ทั้งทีสัญญารัฐต่อรัฐ (G2G) เปิดช่องให้รัฐบาลมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้ถ้าฝ่ายจีนไม่สามารถสร้างเรือดำน้ำให้เสร็จสมบูรณ์ตามสัญญา พลเอก ประยุทธ์ ยังเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย มูลค่ากว่า 44,222 ล้านบาท ตลอดจนมี “ค่าโง่” เรือดำน้ำถึง 21,722 ล้านบาท ที่มาจากการจ่ายเงินโครงการส่วนสนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้ง 3 ลำของกองทัพเรือ ที่ไม่มีเรือดำน้ำจริง สูญสิ้นงบประมาณแผ่นดินโดยเปล่าประโยชน์
นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ ยังอภิปรายถึงกรณีกองทัพเรือของบประมาณจากคณะกรรมาธิการฯ งบประมาณฯ ปี 65 เพื่อจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) ถึง 3 ลำ พร้อมระบบและอุปกรณ์ที่ติดตั้งสำหรับปฏิบัติภารกิจ (Mission Payload) และติดตั้งระบบอาวุธ จำนวน 4,100 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่าการจัดซื้อเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่มีเครื่องบินลาดตระเวนอยู่แล้ว ทั้งยังมีเครื่องบินล่องหน F-35A ที่มีราคาเครื่องรวมระบบอาวุธถึง 4,100 ล้านบาท จึงแสดงให้เห็นว่ากองทัพเรือต้องการใช้งบประมาณโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์และความจำเป็น ทั้งที่ปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สาธารณะคงค้างทั้งสิ้น 10.12 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61 ของ GDP ทำให้ต้องกู้เงินเพื่อซื้อเครื่องมือ F-35A ซึ่งเป็นเครื่องบินเปล่าไม่มีอาวุธ ไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีสภาวะเงินบาทอ่อนค่า เงินดอลล่าร์แข็งขึ้น
“พลเอก ประยุทธ์ ควรสั่งให้กองทัพอากาศถอนเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน F-35A ออกจากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณและนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอดอยาก หิวโหย ในขณะนี้”
นายยุทธพงศ์ กล่าวสรุปความไม่ไว้วางใจให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศต่อไป ดังนี้
- พลเอก ประยุทธ์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ สร้างความเสียหายให้กับแผ่นดินมากกว่า 20,000 ล้านบาท
- พลเอก ประยุทธ์ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เมื่อเกิดปัญหาเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ก็ไม่กล้าบอกเลิกสัญญา สร้างความเสียหายให้กับประเทศ
- พลเอก ประยุทธ์ ไร้คุณธรรมจริยธรรม อนุมัติเงินงบประมาณ 13,800 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35A ใช้งบประมาณเพื่อการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต่อภารกิจของประเทศในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรง