POLITICS

‘ทวี’ ชี้ 7 ปี รัฐประหาร คสช. สู่รัฐประหารเงียบที่ให้ความสำคัญกับชีวิตของ ปชช.น้อยกว่าตำแหน่งของผู้มีอำนาจ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึง 7 ปี รัฐประหาร โดยระบุว่าหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ถึงวันนี้ครบรอบ 7 ปี ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตย ตั้งตนเป็น หัวหน้า คสช.และเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาได้สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถือว่าเป็นการ “รัฐประหารเงียบ” ให้ ส.ว.แต่งตั้งจำนวน 250 คน ร่วมเลือก พลเอกประยุทธ์ฯ กลับมาเป็น นายกรัฐมนตรี และ ส.ว. มีอำนาจควบคุมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเวลานานถึง 20 ปี ยังกำหนดให้บรรดาประกาศ คำสั่ง และการกระทําของ คสช. หรือของหัวหน้า คสช. มีผลใช้บังคับในทางรัฐธรรมนูญ ทางนิติบัญญัติ ทางบริหาร หรือทางตุลาการ ให้ประกาศ คำสั่ง การกระทำ ที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และมีผลใช้บังคับในอนาคตต่อไป

การบริหารของ พลเอก ประยุทธ์ ฯนายกรัฐมนตรี ยังยึดติดกับระบบรัฐรวมศูนย์ ดูได้จากกรณีแก้ปัญหาการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ที่เชื่อในระบบอำนาจนิยม โดยได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรียกชื่อโดยย่อว่า “ศบค.” โดยตั้งตนเป็นประธานกรรมการ และอีกเพียงสองสัปดาห์ถัดมา ก็ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตาม พรก.ฉุกเฉิน ยึดอำนาจของรัฐมนตรีต่างๆ ปลัดกระทรวง อธิบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานเทียบเท่าที่มีกฎหมายกำหนดหน้าที่ อำนาจ แบบเบ็ดเสร็จไว้กับตัว ที่ถือว่าเป็น ‘รัฐประหารเงียบ’ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดเชื้อโรคติดต่อร้ายแรง ถือว่าเป็นความผิดพลาดในการบริหารครั้งสำคัญ เพราะในอดีตการป้องการเชื้อโรคระบาดได้ใช้กระทรวงสาธารณสุข และ พรบ.โรคติดต่อ ที่มีคณะกรรมการ ผู้มีความรู้ด้านการแพทย์ ความเชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา ด้านสาธารณสุข และด้านการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดต่อที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาและมีประสบการณ์ต่อเนื่องมานานกว่า 40 ปี

ระบบรัฐรวมศูนย์ได้สร้างความล้มเหลวกับระบบป้องกันโรค ที่รัฐละเลยไม่ขวนขวายจัดหาวัคซีนที่มีความสำคัญและจำเป็นยิ่ง อย่างรวดเร็ว ให้หลากหลายยี่ห้อและเพียงพอให้ประชาชน ส่งผลให้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมถึงปัจจุบันจำนวน 123,066 คน ความล้มเหลวระบบให้การรักษาพยาบาล การสูญเสียชีวิตตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดฯ ในปี 2563 ถึงเดือนมีนาคม 2564 จำนวน 94 ศพ แต่ทวีความรุนแรงในขณะนี้ คือ เฉพาะเดือนเมษายน ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิตมากถึง 641 ศพ ที่ระยะเวลาเพียงประมาณ 1 เดือน 21 วัน มากกว่าการเสียชีวิตทั้งปีเกิน 6 เท่า และความล้มเหลวของระบบช่วยเหลือการเยียวยาฯที่รัฐใช้เกณฑ์ประชาชนต้องแสดงความยากลำบาก ความเป็นคนน่าสงสารหรือเป็นคนยากไร้ ที่ถือว่าเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งที่เงินช่วยเหลือเยียวยาเป็นเงินภาษีของประชาชนที่ทุกคนต้องมีสิทธิเสมอกัน ต้องมีความเสมอภาค พบว่าประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเหมือนกัน

7 ปี รัฐประหาร คสช. สิ่งที่ไม่มีการปลี่ยนแปลง คือ พลเอกประยุทธ์ฯ ยังสืบทอดตำแหน่งและอำนาจอยู่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ ความเสื่อม ความล้มเหลวจากผลการใช้อำนาจ ที่ให้ความสำคัญชีวิตของประชาชนน้อยกว่าความมั่นคงตนเอง จนทำให้ขาดความเชื่อมั่น เกิดการขัดแย้งมีการชุมนุมเรียกร้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอำนาจ เป็นสิ่งที่ต้องระวังดังคำกล่าวที่ว่า “อำนาจมีแนวโน้มที่จะทำให้คนเสียคน และอำนาจเด็ดขาดจะทำให้คนเสียคนเด็ดขาดยิ่งขึ้น”

7 ปี คสช. ที่พิสูจน์ชัดว่า ปัญหาวิกฤติของชาติและประชาชน ไม่สามารถแก้ไขโดยอำนาจเผด็จการได้ และมีแต่ทำให้ชะตากรรมของประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำและไร้อนาคต

Related Posts

Send this to a friend