POLITICS

นายกฯ รับหนังสือ คนไทยพลัดถิ่น ยันจะรับฟังความเห็นคนโครงการแลนด์บริดจ์อย่างรอบด้าน

นายกฯ เศรษฐา รับหนังสือ คนไทยพลัดถิ่น ขอเร่งรัดทำบัตรประชาชน ยันจะรับฟังความเห็นคนในพื้นที่โครงการแลนด์บริดจ์อย่างรอบด้าน

วันนี้ (22 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับหนังสือจาก น.ส.ทม สินสุวรรณ ตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง และ น.ส.รสิตา ชุ่ยยัง เครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสม ซึ่งมีตัวแทนชาวบ้านที่ไม่เอาโครงการแลนด์บริดจ์ มารอพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งลงพื้นที่มาดูจุดก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ในโครงการแลนด์บริดจ์

น.ส.ทม กล่าวกับนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยคนไทยพลัดถิ่น ขอให้ช่วยตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งล่าช้ามาหลายปี พร้อมบอกนายกฯว่า อยากจับมือกับท่านนายกฯ เห็นเป็นคนดี ช่วยด้วยนะคะ ก่อนจะถามนายกฯว่า ทะเลสวยไหมคะ จุดที่ตั้งแลนด์บริดจ์ ที่จะทำท่าเรือน้ำลึกอยู่ตรงบ้านมะทม และเป็นที่ทำกินของชาวบ้าน จึงอยากขอให้ชะลอโครงการแลนด์บริดจ์ไว้ก่อน

น.ส.รสิตา ซุ่ยยัง เครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น กล่าวว่า บ้านของมะทม อยู่บริเวณปาก อ่าวอ่าง ต.ราชกรูด จุดที่ตั้งโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นที่ทำกินคนไทยพลัดถิ่น ที่ยังไม่มีบัตรประชาชน คนไทยพลัดถิ่น เคยขอสัญชาติตั้งแต่ปี 2555 จนได้ พ.ร.บ.สัญชาติ แต่มาถึงวันนี้มีหลายคนที่ยังไม่มีบัตรประชาชน จึงขอให้เร่งดำเนินการ ทั้งกลุ่มที่ตกสำรวจขอให้มีมติ ครม.เพื่อคนไทยพลัดถิ่น ขอให้เร่งรัดดำเนินการให้พี่น้องยื่นคำขอ 3-4 ปีแต่ไม่ได้แก้ปัญหา พร้อมเสนอให้มีกองทุนดีเอ็นเอ เพราะชาวบ้านไม่มีเงินไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าความเดือดร้อนของประชาชน เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ แลนด์บริดจ์มีโอกาส แต่ให้โอกาสคนในพื้นที่ที่ต้องฟังความคิดเห็น พร้อมรับฟังปัญหาที่ชาวบ้านไปรายงานผลกะทบแล้วส่วนราชการรายงานข้อมูลไม่ตรงกัน

ส่วนสาระสำคัญในหนังสือของเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น ระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ระนอง – ชุมพร ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล และจะต้องใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการต่างๆ จำนวนมากตั้งแต่จังหวัดระนองจนถึงจังหวัดชุมพร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โครงการท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง (ฝั่งระนอง) ที่จะต้องใช้พื้นที่ทะเลทั้งหมด 6,975 ไร่ และต้องขุดร่องน้ำให้ได้ความลึกที่ 19 เมตร มีความยาวถึง 11.5 กิโลเมตร และยังไม่นับร่วมการใช้พื้นที่ชายฝั่งทะเลอีกจำนวนมากเพื่อเป็นลานเทกองตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งในจำนวนนั้นมีพวกเราที่เป็นคนไทยพลัดถิ่นรวมอยู่ด้วย

ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยมีคนไทยพลัดถิ่นจำนวนมาก ที่แม้จะได้รับการรับรองสัญชาติตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2555 ไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังมีคนตกค้างที่ยังไม่ได้รับการรับรองอยู่อีกจำนวนมาก อันเกิดขึ้นจากความล่าช้าในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหนึ่งในจำนวนนั้นคือพวกเราที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลราชกรูด จังหวัดระนอง ซึ่งมีที่อยู่อาศัยอยู่ริมทะเลชายฝั่งและมีอาชีพการทำประมงพื้นบ้านเป็นหลัก ดังนั้นการเกิดขึ้นของโครงการแลนด์บริดจ์ระนอง – ชุมพร ที่ท่านกำลังผลักดันอยู่นี้ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเราโดยตรงจนแทบจะสิ้นไร้แผ่นดินทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน นั่นหมายถึงการล่มสลายของพวกเราทั้งหมดในที่สุด

ในฐานะพลเมืองผู้ไร้สิทธิ์แทบทุกด้าน ทั้งด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ ด้านการการเมือง และรวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ทั่วไปแบบพลเมืองปกติ ที่พวกเราจะต้องทนรับกับสภาพเช่นนั้นอย่างหวานอมขมกลืนมาอย่างยาวนาน และต่อโครงการนี้ เราแทบ “ไร้สิทธิ์” ที่จะแสดงออกใดๆ เพื่อให้ภาครัฐได้รับรู้ถึงความทุกข์ร้อนของพวกเรา

โอกาสที่ท่านและคณะรัฐมนตรีเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดระนองในครั้งนี้ คงเป็นโอกาสเดียวที่พวกเราจะส่งเสียงให้ท่านได้รับรู้และรับทราบความทุกข์ร้อนและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับพวกเราในฐานะพลเมืองชั้งสอง จึงยื่นหนังสือฉบับนี้ให้ท่านได้รับทราบเบื้องต้นว่า

“พวกเราคนไทยพลัดถิ่นในตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง คือกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งในที่สุดแล้วพวกเราคงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่แห่งนี้อีกต่อไป แล้วท่านจะให้พวกเราไปอยู่ที่ไหน จึงขอให้ท่านได้เห็นถึงรายละเอียดของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบดังกรณีของพวกเรา และได้โปรดนำประเด็นปัญหาดังกล่าวนี้ไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจดำเนินโครงการนี้ต่อไป ทั้งยังหวังว่ารัฐบาลของท่านจะช่วยเร่งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการรับรองสัญชาติของพวกเราได้ดำเนินการรับรองคนที่ตกค้างอยู่ให้ทั่วถึงอย่างอย่างรวดเร็วมากขึ้นต่อไป”

Related Posts

Send this to a friend