‘โรม’ ชี้ การกำหนดให้พรรครับผิดชอบค่าเบี้ยเลี้ยงสังเกตการณ์เลือกตั้ง เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอบข้อสอบถามของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำหน่วยเลือกตั้งเพื่อสังเกตการณ์การลงคะแนนและนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขต ค่าใช้จ่ายในการอบรมตัวแทนและค่าเบี้ยเลี้ยง เป็นค่าใช้จ่ายของพรรค ของผู้สมัคร หรือของใคร ว่ากรณีนี้สำคัญมาก เนื่องจากเกี่ยวพันกับการทุจริตการเลือกตั้งในการจัดการหีบลงคะแนน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคการเมืองสามารถส่งตัวแทนไปสังเกตการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ กกต. หรือใครก็ตาม จะไม่มีการทุจริตบัตรเลือกตั้งหรือการนับคะแนน เหมือนบัตรเขย่งที่ผ่านมา ซึ่งสำคัญต่อการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม แต่การทำเช่นนี้ได้ ต้องมีการฝึกอบรม และต้องมีการให้ค่าตอบแทน ค่าอาหาร ต้องใช้เงินจำนวนมาก ทั้งนี้ กกต. แจ้งว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และพรรคการเมืองมีโควตาการใช้เงินทั้งหมดเพียง 44 ล้านบาท หากคิดค่าตอบแทนให้อาสาสมัคร 400 บาทต่อคนต่อวัน และมีคูหากว่าแสนหน่วย คิดเป็นเงิน 40 ล้านบาท นั่นเท่ากับพรรคการเมืองจะเหลือโควตาใช้เงินเพียง 4 ล้านบาทในการรณรงค์ ซึ่งจำนวนนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มว่า การตีความเช่นนี้ เสี่ยงให้เกิดการทุจริต และไม่โปร่งใส เพราะพรรคการเมืองไม่สามารถส่งตัวแทนได้ครบทุกหน่วย แล้วพรรคการเมืองและประชาชนจะไว้วางใจ กกต. ได้อย่างไร เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 การทำงานของ กกต. ได้ฝากบาดแผลไว้กับสังคม และการตีความของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เงื่อนไขที่ กกต. กำหนด ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถตรวจสอบการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสได้ ดังนั้น ต้องตีความตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 55 คือพรรคการเมืองเป็นคนแจ้งชื่อว่าจะมีผู้ใดไปอยู่ตามหน่วยเลือกตั้ง แต่ค่าใช้จ่ายอยู่ในค่าใช้จ่ายของผู้สมัครเขตได้ หรือหากยืนยันว่าเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ควรขยายเพดานค่าใช้จ่ายให้พรรคใช้จ่ายเพียงพอกับการรณรงค์หาเสียง จะเป็นธรรมมากกว่า ฝากถึง กกต. อย่าปล่อยให้ประชาชนกังขากับการทำงานและความโปร่งใสของ กกต. ไปมากกว่านี้