POLITICS

โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ติดตามสถานการณ์ค่าไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด

แจงค่าไฟฟ้าสูงเพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนัก แนะหลัก ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’ ประหยัดไฟฟ้าช่วงฤดูร้อน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์เรื่องค่าไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พยายามช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ได้ชี้แจงยืนยันว่า ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน 2566 เกิดจากเหตุอากาศที่ร้อนสูง ส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ไม่ได้เป็นการขึ้นค่าไฟฟ้า พร้อมกับมีข้อแนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนด้วยการยึดหลัก ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’

นายอนุชา กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวงยืนยันว่า การคิดค่าไฟฟ้าในช่วงนี้ยังใช้หลักเกณฑ์วิธีการคิดค่าไฟฟ้าจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าในอัตราตามที่นโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนด สาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนสูงถึง 40 องศาเซลเซียส อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานและใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น โดยจะเห็นได้จากค่าพลังความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Demand) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีค่า 8,904.66 เมกะวัตต์ ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าจะใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน ยกตัวอย่าง เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ในสภาวะอากาศปกติอุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หากปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องที่ 26 องศา แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ 4 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เช่น อุณหภูมิภายนอก 40 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ถึง 14 องศาเซลเซียล แอร์จึงทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟมากกว่าเดิม ทั้งนี้ อุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียส แอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่า 3%

นายอนุชา กล่าวต่อว่า การไฟฟ้านครหลวงมีข้อแนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนโดยยึดหลัก ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’ โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ เปิดเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ ช่วยประหยัดพลังงาน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูง หมั่นล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อย ไม่ตุนอาหารในตู้เย็นเกินความจำเป็น ตรวจขอบยางประตูตู้เย็นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า (เบอร์ 5)

Related Posts

Send this to a friend