POLITICS

กลุ่ม 24มิถุนา ชงพรรคก้าวไกลอภิปรายจี้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ-เบี้ยคนชรา

กลุ่ม 24มิถุนา ชงพรรคก้าวไกลอภิปรายจี้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ-เบี้ยคนชรา ร้องถูก ก.แรงงาน เบี้ยวข้อตกลงจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง ร้องเพลงแปลง ‘ค่าน้ำนม‘ ถามเบี้ยชรา 600 จะใช้ยังไงให้ไหว

วันนี้ (21 มี.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ยื่นหนังสือถึง นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจ สอบการทำงานของรัฐบาลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เมษายน 2567 โดยมี นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม สส.พรรคก้าวไกลเป็นผู้รับมอบหนังสือ

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24มิถุนาฯ กล่าวว่า ทางกลุ่มอยากจะขอมีส่วนร่วมกับการอภิปรายทั่วไปตามมาตรามาตรา 152 เพื่อให้ประโยชน์สูงสุด เกิดกับการแก้ปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยฝากประเด็นสำคัญนำไปอภิปรายซักถามและเป็นข้อเสนอแนะถึงรัฐบาล เพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลได้หาเสียงว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นวันละ 600 บาทในปี 2570 แต่เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐาขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2566 นายเศรษฐาประกาศว่าจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานบอกว่าทำไม่ได้ สรุปแล้วกระทรวงแรงงานสามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้เพียงวันละ 363 บาท แม้ว่านายเศรษฐาจะบอกให้ทบทวน แต่กระทรวงแรงงานก็ไม่ทบทวน เราจึงเห็นว่าการทำงานของรัฐบาลมีปัญหาแน่ เมื่อพูดไปแล้วไม่ได้ทำ และนายเศรษฐาก็ไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดออกไป ซึ่งเมื่อเราคำนวณแล้วการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 363 บาทเมื่อถึงปี 2570 ก็จะไม่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 600 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เคยหาเสียงไว้ จึงขอให้ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปอภิปรายอย่างจริงจัง

นายสมยศ กล่าวต่อว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังเคยพูดไว้เมื่อเดือนมกราคมว่า จะขึ้นเงินเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาทเป็น 1,000 บาท แต่ไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอนพวกเราจึงเห็นว่าในโอกาสวันมหาสงกรานต์ปีนี้ 13 เมษายน รัฐบาลควรถือโอกาสวันครอบครัว ประกาศขึ้นเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาทเป็น 1,000 บาท ตามที่นายวราวุธพูดไว้ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาก็เคยหาเสียงไว้ว่าจะขึ้นเบี้ยผู้สูงอายุเป็นเดือนละ 3,000 บาท พรรครวมไทยสร้างชาติก็เคยบอกว่าจะให้เดือนละ 1,000 บาท พรรคพลังประชารัฐ 3,000 บาท และทั้ง 3 พรรคนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงปรารถนาว่าจะเห็นเงินผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น

อีกประเด็นหนึ่ง เนื่องจากมีผู้ตกงานมากทำให้มีนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน และกระทรวงแรงงานก็ละเลยไม่ดำเนินคดีอาญาต่อนายจ้าง ปล่อยให้ลูกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชย ถือว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความบกพร่องอย่างรุนแรง ต่อลูกจ้างของบริษัทอัลฟ่า ,บอดี้แฟชั่น และ เอเอ็มซี ที่เคยได้ไปร้องเรียนที่กระทรวงแรงงาน และเคยทำบันทึกข้อตกลงว่าให้มีการเพิ่มเงินสงเคราะห์ลูกจ้างสูงขึ้น และของบประมาณจากรัฐบาลมาจ่ายค่าชดเชยให้ได้ 100% ตามกฎหมายแรงงาน แต่ข้อตกลงเหล่านี้กลับถูกเพิกเฉยละเลย เท่ากับรัฐมนตรีเป็นผู้ตระบัตสัตย์ และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง

“ขอให้มีการตรวจสอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ความเห็นของพวกผมคืออภิปรายทั่วไปไม่พอ ความจริงแล้วต้องปรับ ครม.หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการโกหกหลอกลวงผิดศีลธรรม สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง และไม่ดูแลตามหน้าที่ของฝ่ายบริหาร” นายสมยศ กล่าว

จากนั้นมีตัวแทนลูกจ้างสามบริษัทที่ถูกนายจ้างเบี้ยวค่าชดเชยเลิกจ้าง กล่าวว่าตนถูกเบี้ยวจากนายจ้างไม่พอยังถูกเลขานุการและรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเบี้ยวข้อตกลงด้วย จึงได้ร้องเพลงถึง สส. คือเพลงที่ดัดแปลงมาจากทำนองเพลงค่าน้ำนม แต่เปลี่ยนเนื้อเพลงเป็นปัญหาของแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง

“ควรคิดพินิจให้ดี เบี้ยคนชรานี้จะใช้ยังไงให้ไหว โอ้รัฐบาลจ๋าโปรดหันมาทบทวนกันใหม่ เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติมได้ไหมแบ่งปันมาให้ช่วยคนชรา”

Related Posts

Send this to a friend