POLITICS

ผบ.ตร.ยัน ไม่เครียด เผย รู้มานานแล้ว ด้าน ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์‘ แจง ตาม ’ทักษิณ‘ ทำตามหน้าที่

’พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ – พล.ต.อ.สุรเชษฐ์‘ เข้ารายงานตัวสำนักนายกฯ ยัน ไม่เครียด ด้าน ผบ.ตร. เผย รู้มานานแล้ว ลั่น โรงละครของเราเลิก เก็บฉากหอบเสื่อกลับบ้าน ขณะ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์‘ แจง ตาม ’ทักษิณ‘ ทำตามหน้าที่ ไม่มีส่วนตัว

วันนี้ (21 มี.ค. 67) พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นระยะเวลา 60 วัน ได้เดินทางเข้ามาที่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานตัวกับนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี​

​พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่าตนเองได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านจิตอาสา ซึ่งตนเองก็ทำอยู่แล้ว ถึงให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่าง ๆ เนื่องจากเราก็เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมา โดยจะเดินทางเข้ามาทำงานทุกวัน แต่ยังคงต้องเข้าเวรราชองครักษ์อยู่

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย ไม่ให้มีแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์​ กล่าวว่า มันไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราอยู่กันแบบพี่น้อง ตนเองพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับตำแหน่ง ว่าเราจะทำบ้านให้เปลี่ยนแปลง แต่มันออกมาในลักษณะนี้ นายกฯ จึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ เชื่อว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน ท่านทำหน้าที่บริหารได้อย่างถูกต้อง ตนเองรับ และยินดีอยู่แล้ว ไม่ได้คิดหรือกังวลอะไร อยู่ที่นี่ก็ดี เรื่องรับงานเอกสารก็ทำอยู่แล้ว ขออย่าห่วงว่าจะเครียดหรืออะไร

ส่วนที่นายกฯ กล่าวว่าให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม พลตำรวจเอกต่อศักดิ์​ กล่าวว่า เมื่อตนเองลุกมาแล้ว ก็เป็นเรื่องของรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ส่วนหนังสือย้ายเมื่อวานนี้ ใช้คำค่อนข้างรุนแรง พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับ ตนเองเป็นหัวหน้าหน่วย ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ มันเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ ก็ยอมรับสภาพ ตนเองก็คาใจอยู่ ยังบอกกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ตนเองพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง

ส่วนความจำเป็นจะต้องมีการทำเอกสารชี้แจงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบเรื่องนี้หรือไม่ พลตำรวจเอกต่อ​ศักดิ์​ กล่าวว่า ถ้ามีการเรียกก็พร้อมที่จะยื่นเอกสาร ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แม้อายุราชการจะเหลือน้อยก็ตาม แต่จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็ต้องลุก งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา

“วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก พี่มานั่งที่นี่ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเรา ก็เท่านั่น ชีวิตเรามีเท่านี้ คุณจะมาเครียดอะไร ช้าเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อคเพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าพบด้วย รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว” พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าว

ส่วนที่โดนโยกให้มาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะเราจัดการเรื่องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ใช่หรือไม่ พลตำรวจเอกต่อ​ศักดิ์​ กล่าวว่า ใช่

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษ​ณ์หลังรายงานตัวถึงกระแสข่าวที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับ เรื่องจึงออกมาเป็นเช่นนี้ ว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งที่ไปตอนนั้น ไปเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนสำคัญ เพราะเขาเป็นอดีตนายกฯ พร้อมย้ำว่า ไม่มีเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น แต่เรื่องนี้เป็นการแก้ไขของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วย

ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นสายบ้านจันทร์ส่องหล้าไปแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าไม่มีสายไหน มีแต่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเมื่อตอนนี้ให้มาทำหน้าที่นี้ก็ต้องมาทำ

ส่วนได้อ่านคำสั่งย้ายที่ออกมาหรือยัง เพราะทาง ผบ.ตร. ก็ยอมรับว่าจากคำสั่งดังกล่าวก็เหมือนมีความขัดแย้งจริง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน วันนี้ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เพื่อประชาชนและเพื่อส่วนรวม เรื่องส่วนตัวต้องทิ้งไปให้หมด โดยในวันนี้ก็ยังไม่มีการพบนายกฯ รวมถึงเลขาธิการนายกฯ ซึ่งวันนี้มารายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯ ก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวจะไปดูห้องทำงาน และจะมาทำงานทุกวัน ไม่มาไม่ได้ ตนเองได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านที่ปรึกษากฎหมาย พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และการกระจายอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำหน้าที่ได้ดี

สำหรับความขัดแย้งครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดเลยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า จบ ทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะเมื่อวานก็คุยกันแล้ว ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ซึ่งองค์กรต้องอยู่ และต้องแข็งแรงเพื่อทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีการแบ่งฝ่าย ก่อนย้ำว่าจะไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่าที่คนมองพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีชีวิตที่ 10 – 11 นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ก็ทำหน้าที่ปกติ เขามีโอกาสให้ทำงานก็ต้องทำงาน ส่วนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ ตนเองไม่รู้ เพราะก็ทำหน้าที่ไปตามปกติตามที่ได้รับมอบหมาย

สำหรับการมีปัญหาในทุกครั้ง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ก็กลับมาได้ตลอดนั้น ได้มีการมูอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้มู ก็ทำหน้าที่ให้ดี เพราะการทำหน้าที่ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น มั่นใจศรัทธา และคลายความทุกข์ให้ได้ ซึ่งนี่คือหน้าที่ของข้าราชการแผ่นดินอยู่แล้ว และเรื่องคดีความยังไม่ได้นัดคุยกับ ผบ.ตร. โดยจะมีการนัดคุยอีกทีนึง

ส่วนทำไมยังยิ้มได้นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนเองอารมณ์ดี นี่ก็กลับบ้านไง และไม่รู้มาก่อนและรู้พร้อมกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว

สำหรับความมั่นใจแค่ไหนว่าจะได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่รู้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เขาให้อยู่ไหนก็อยู่ตรงนั้นเพราะทุกที่สบายใจหมดอย่าไปคิดมาก

Related Posts

Send this to a friend