‘วุฒิสภา’ พร้อมตรวจสอบการทำงานของ รมว.ยุติธรรม และ ดีเอสไอ ปม กล่าวหาวุฒิสภาเป็นองค์กรอาชญากรรม
‘วุฒิสภา’ พร้อมตรวจสอบการทำงานของ รมว.ยุติธรรม และ ดีเอสไอ ปม กล่าวหาวุฒิสภาเป็นองค์กรอาชญากรรม เป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร หลังมีคนร้องฮั้วเลือกตั้ง สว. ซัดกล่าวหาร้ายแรง ทำลายฝ่ายนิติบัญญัติ
วุฒิสภา ชี้แจงถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการเชิญประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ วาระพิเศษ วันที่ 25 ก.พ. 68 เพื่อเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้กรณีการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) พระราชบัญญัติการสวบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เอกสารประกอบการพิจารณาเพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติอ้างว่า มีผู้ร้อง 3 ราย ประกอบด้วย พล.ต.ต.อนุชา จารยะพันธ์ นายภัทรพงศ์ ศุภักอักษร และ นายทินกร จิตต์ไพบูลย์ ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษ กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และประมวลกฎหมาย มีความเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ ประมาณเดือนเมษายน 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และสถานที่เกิดเหตุคือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดนนทบุรี ศูนย์กลางแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพคเมืองทองธานี และทั่วราชอาณาจักร
กรมสอบสวนคดีพิเศษระบุฐานความผิดว่ามีพฤติการณ์และการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 209 และมาตรา 116 ความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 และความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 แต่กลับไม่ระบุผู้กระทำความผิด อ้างว่าอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล และไม่สามารถระบุความเสียหายได้
นอกจากนี้ ยังอ้างว่า ที่คณะกรรมการคดีพิเศษควรมีมติรับเป็นคดีพิเศษตามที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เสนอเนื่องจากไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเนื่องจากผู้ร้องคณะนี้ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งด้วย และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่อง ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาหลายคนได้รับเชิญให้เข้าชี้แจง ตามที่มีผู้ร้องซึ่งแสดงว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ปฏิบัติหน้าที่และอำนาจที่กฎหมายกำหนดไว้
เหตุใดอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอ้างเหตุว่าไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการและต้องตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจหน้าที่สอบสวนการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 หรือไม่และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มอบอำนาจให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนแทนสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือไม่
ทราบข้อมูลว่าเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้มีมติให้ดำเนินการในเรื่องนี้ ตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนั้นการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงไม่สามารถอ้างว่าเป็นการสอบสวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมืองซึ่งเป็นอำนาจเฉพาะของคณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะองค์กรอิสระได้
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการคดีพิเศษ มีการเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาโดยระบุในเอกสารเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษว่า “เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดต่อความมั่งคงภายในราชอาณาจักร” และระบุอีกว่าการกระทำความผิดของกลุ่มขบวนการในครั้งนี้เป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ โดยวางแผนมาตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ต่อเนื่องมาจนถึงหลังจากการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเสร็จสิ้นแล้ว อันมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม
ทั้งนี้ จึงเห็นควรให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้กรณีความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ในการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาปี พ.ศ. 2567 เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และมีมติให้พนักงานอัยการหรืออัยการทหารแล้วแต่กรณีมาสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
จากเอกสารที่ พ.ต.ต.ยุทธนา จะนำเสนอวันที่ 25 ก.พ.นี้ วุฒิสภามีความเห็นว่า การกล่าวหาว่ามีกลุ่มขบวนการกระทำผิดกฎหมายมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมและเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นการกล่าวเท็จ มีเจตนาให้ร้าย ทำลายวุฒิสภา ในฐานะองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ โดยอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นตัวการ
วุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของวุฒิสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ถูกทำลายโดยการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายบริหาร และจะดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการใด ๆ ที่ทำให้วุฒิสภาได้รับความเสียหายให้ถึงที่สุด
วุฒิสภาจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการคดีพิเศษในกรณีนี้ เพื่อแสวงหาความจริง ในกรณีที่พบว่ามีเจตนาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียแก่วุฒิสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ