‘ชูวิทย์’ พอใจหลังพูดคุย ‘พีระพันธุ์’ ได้ข้อสรุปในหลายเรื่องที่แฉ
‘ชูวิทย์’ พอใจหลังพูดคุย ‘พีระพันธุ์’ ได้ข้อสรุปในหลายเรื่องที่แฉ พร้อม จี้ กกต. ช่วงหาเสียง ห้ามพรรคการเมืองขึ้นป้ายให้คำสัญญา ขู่ จะไล่ตามเช็ดล้างกับพวกพรรคที่ตระบัดสัตย์กับประชาชน
วันนี้ (21 ก.พ. 66) เวลา 16:00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเดินทางเข้ามอบหลักฐานการทุจริตคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ราชการในหลายกระทรวงฯ อาทิ บุหรี่ไฟฟ้า กรมอุทยานฯ สปก. เครือข่ายพนันออนไลน์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นต้น เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งตรวจสอบ และดำเนินการแก้ปัญหา โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มารับเรื่องร้องเรียนเพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรี
นายชูวิทย์ ระบุว่า วันนี้ที่ตนได้นำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน และได้มีโอกาสพูดคุยกับนายพีระพันธ์ุกว่า 1 ชั่วโมง มีผลที่น่าพอใจ เริ่มตั้งแต่เรื่องบุหรี่, เครือข่ายพนันออนไลน์, ความยุติธรรม, อุทยาน กับ สปก. และเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งได้มีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้ต่อสายถึงนายกรัฐมนตรี โดยได้ความสรุปว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ผู้ที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ถูกโทษปรับนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมนำเอกสารการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามาแสดงให้สื่อมวลชนดู โดยระยะสั้นเริ่มตั้งแต่ การตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และส่งไปให้กรมศุลกากร ไม่มีการจับปรับหรือลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนในระยะยาว จะต้องไปคุยกับกระทรวงสาธารณสุข และแก้ไขกฎระเบียบใหม่ทั้งหมด ดังนี้
1.การยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ปี2557 ที่ว่าด้วยการห้ามนำบารากุ บารากุไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้าเข้าในราชอาณาจักร
2.กรมศุลกากรประกาศอัตราพิกัดภาษีบุหรี่ไฟฟ้า
3.ให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดเงื่อนไขในการขาย หรือให้บริการ บารากุ บารากุไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาสำหรับเติม
4.ให้พนักงานเร่งดำเนินการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ ตลอดจนผู้ขายผู้บริการ ตลอดจนถึงคุ้มครองให้เด็กเยาวชน และประชาชนผู้ไม่สูบบุหรี่ เกิดความปลอดภัย
เรื่องต่อมา เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่าจะต้องดำเนินการจับกุมทั้งหมด ไล่มาตั้งแต่สารวัตรซัว เพราะเป็นทั้งนายบ่อน และนายตำรวจ และดำเนินการกับเครือข่ายพนันออนไลน์ทั้งหมด ตั้งแต่ไซส์ S ไปจนถึง ไซส์ XL โดยเป็นคำสั่งประกาศิตจากข้างในที่ยืนยันกับตนเองมา โดยจะต้องบูรณาการการทำงาน ทั้ง ตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES เพื่อดำเนินการจับกุมทั้งหมด
ส่วนเรื่องอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากอุทยานมีทั้งรีสอร์ทและชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านจะได้รับสิทธิ์ในการดูแล รักษาป่าได้ดีกว่าเจ้าหน้าที่ ซึ่งจำนวนของเจ้าพนักงานมีอย่างจำกัด ถ้าเป็นรีสอร์ทก็จัดการรีสอร์ท ต้องถูกยึด ส่วนชาวบ้านที่อยู่อาศัยให้เขาอยู่ไป ฉะนั้นอุทยานทับลาน จะต้องดำเนินการตามนี้ รวมถึงเรื่องความยุติธรรม การใช้ดุลยพินิจจะต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งทุกดุลยพินิจจะต้องมีหลักการเหตุผล และกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลารวมทั้งองค์กรกลางต่างๆ ที่ถูกล่ามโซ่ไว้ จะต้องตัดทลายโซ่นั้นทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) สำนักงานป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน (ปปง.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส) ทุกองค์กรจะต้องเป็นองค์กรกลางจริงๆ นั่นคือสิ่งที่ตนได้รับคำตอบมา
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนที่ตนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการศาล ว่ามีการก้าวล่วงเข้าไปวิ่งเต้นที่ศาลปกครอง ตนจะนำเอกสาร หลักฐาน ว่าทำไมตนถึงรู้คำตอบของคดีรถไฟฟ้าสายสีส้มว่ามีการลงคะแนน 27 ต่อ 23 ซึ่งนายพีระพันธุ์ได้รับทราบและนำเสนอเรื่องให้นายกฯ ไปพิจารณา ส่วนกรณีสายสีส้มที่มีมูลค่าการวิ่งเต้นจำนวนเงินมหาศาล ซึ่งกลับมาสู่กระบวนการการเมืองสีเทา มีการไล่ซื้อตัว และนำมาสู่สังกัดพรรค โดยนายชูวิทย์ยัำว่า เรื่องทั้งหมดนี้จะต้องเลิก ถ้าไม่เลิก ทั้งการเมือง การปฏิรูป คงพูดได้แต่ปาก อีกทั้ง บรรดา ส.ส. หรือผู้สมัคร จะต้องมีอุดมการณ์
อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนได้นำเรียนเรื่องทั้งหมดพร้อมหลักฐานไปมอบให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ก็ได้ตอบรับ และขอใช้เวลาตรวจสอบเอกสารต่างๆ และตนก็จะนำเอกสารมาเรียนนายกฯ ให้เห็นว่าภาคประชาชนอย่างตนจะทลายเครือข่ายคอร์รัปชั่น โดยไม่พึ่งพาองค์กรอิสระ พร้อมระบุว่า ตนเองได้ประกาศไว้ในทำเนียบรัฐบาลว่าตนนั้นไม่มีเบื้องหลัง และอย่านำตนไปผูก หรือตีความว่ามีเบื้องหลัง เพราะการกระทำในลักษณะนี้ เป็นสาเหตุที่คนพูดกันว่าบ้านเมืองถึงไม่เจริญ เพราะมีคนที่หวังจะเติบโต
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคไหนที่จริงจังกับการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ตนจะต้องพิจารณาพรรคนั้น และตนจะส่งสัญญาณไปถึง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการห้ามไม่ให้พรรคการเมืองติดป้ายหาเสียง ที่มีการสัญญากับประชาชน และนำไปสู่การตระบัดสัตย์ เพราะประชาชนอย่างตนก็เบื่อเต็มทน เพราะการที่ทำได้ก็นำงบประมาณมาทำที่ก่อให้เกิดการคอรัปชั่น
เราต้องตะโกนออกมา พูดต่อไป เพื่อทำลายระบบคอรัปชั่นนี้ให้ได้ แม้วันนี้รุ่นผมจะทำไม่ได้ เพราะผมแก่ แต่ผมจะพูดไว้เพื่อเป็นเชื้อไฟ ซึ่งรุ่นต่อไปจะต้องสานต่อภารกิจนี้ ถ้าไม่อย่างงั้นระบบเราจะพัง” นายชูวิทย์กล่าว
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะตามล้างตามเช็ด และตามล้างผลาญ พวกพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ซึ่งบางพรรคจะต้องรับปากกับประชาชนก่อนว่าจะอยู่ฝ่ายไหน โดยเฉพาะพรรคที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และเป็นเทพ จะต้องเป็นเทพจริงๆ ไม่ใช่หลังเลือกตั้งไปร่วมกับพรรคมาร ส่วนพรรคมารตนจะตามไปดูว่าเป็นมารจริงหรือไม่ และจะจดบันทึกทั้งหมดไว้ รอวันที่จะร่วมพรรคผสมกัน ตนก็จะออกมาตามล้างตามเช็ดให้เหมือนสมัยก่อนที่ตนเคยตามล้างตามเช็ดพรรคการเมืองพรรคนึงไว้