เครือข่ายผู้บริโภค ร้อง “ก้าวไกล” จี้ ครม.ถอนวาระต่อสัมปทานสายสีเขียว
วันนี้ (19 ก.พ.65) เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับตัวแทนพรรคก้าวไกล โดยมีนานชัยธวัช ตุลานน เลขาธิการพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับหนังสือ
โดยตัวแทนเครือข่าย เรียกร้องให้พรรคก้าวไกล ถอนวาระการพิจารณาต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า หาก ครม.เห็นชอบการต่อสัญญา จะนำไปสู่การปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเป็น 65 บาท ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง พร้อมต้องการให้ผู้ว่า กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ช่วยแก้ไขปัญหาด้วย
ด้านนายสุรเชษฐ์ ระบุว่า ทาง กมธ.คมนาคมได้มีมติชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานฯ และเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ทาง กมธ.ได้เปิดสัมมนาเพื่อหารือประเด็นนี้ โดยเชิญทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรค และตัวแทนภาคประชาชน แต่ปรากฏว่า ไม่มี ส.ส.วิปรัฐบาลคนใดที่กล้ายืดอกยอมรับว่า เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานต่อหน้าสาธารณชน ในนาทีนี้ต้องขอให้ประชาชนมองเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และร่วมกันเรียกร้องให้หยุดการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า การขยายสัญญาสัมปทานครั้งนี้ เป็นการขัดคอเพื่อผลประโยชน์โดยไม่เคารพประชาชน และสัญญาดังกล่าวเมื่อขยายไปถึงปี 2602 เท่ากับระยะเวลาของการทำงานชั่วชีวิตของคนหนึ่ง ที่จะต้องอยู่กับค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงไปจนวัยเกษียณ และรัฐบาลยังจงใจต่อสัญญาก่อนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะมารักษาผลประโยชน์ของชาวกรุงเทพฯ ขอยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาครั้งนี้ และรัฐบาลไม่ควรใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ออกไปเรื่อย ๆ
นายวิโรจน์ ยังมองว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวอาจเป็นเหตุให้แนวคิดตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากสายสีเขียวที่สามารถรับผู้โดยสารได้จำนวนมากสุด ไม่ให้ความร่วมมือกับแนวคิดดังกล่าว สายสีเขียวควรเป็นบันไดก้าวแรกไปสู่ตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม รวมถึงผู้ว่า กทม. คนปัจจุบันควรมีความโปร่งใสกับเงื่อนไขในสัญญาต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสัญญาดังกล่าวให้กับประชาชน