POLITICS

พรรคเป็นธรรม จัดประชุมสามัญประจำปี เปิดนโยบาย “อยู่เย็นเป็นธรรม”

ใช้หลักมนุษยธรรมนำการเมือง เน้นนโยบายมาจากประชาชน มอง 3 จังหวัดเป็นพื้นที่สำคัญนำร่องนโยบาย พร้อมแก้ไขปัญหาในประเทศ

วันนี้ (21 ม.ค. 66) ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พรรคเป็นธรรมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 พร้อมการเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค , นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคฯ , เอษณา จรัสสุริยพงศ์ กรรมการบริหารพรรค ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการจัดประชุมในครั้งนี้

ดร.ปิติพงศ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคเป็นธรรมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 พร้อมเปิดตัวนโยบายพรรค และว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งการจัดการประชุม เราจัดปีละครั้งในช่วงเดือนมีนาคม แต่อาจมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงนั้น จึงได้เลื่อนมาจัดในช่วงนี้แทน ซึ่งครั้งนี้ได้ประชุมเลือกคณะผู้บริการชุดใหม่ว่าใครเหมาะสมในการลงเลือกตั้ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเป็นธรรมจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทุกเขตหรือไม่ ดร.ปิติพงศ์ ระบุว่า พรรคมีความสามารถ และตามกฎหมายจากทาง กกต. ก็สามารถส่งได้ทุกเขต พรรคมีสาขาทั้ง 4 ภาค แต่จะส่งผู้สมัครตามความคิดที่เป็นยุทธศาสตร์ของพรรค จะแสดงให้เห็นว่ามีความคิดเห็น มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน และพิชิตที่นั่งในสภาได้ ซึ่งมีความมั่นใจว่าจะได้ที่นั่งในสภา เพราะนโยบายที่นำเสนอมาไม่เหมือนกับพรรคอื่น ๆ โดยมาจากพี่น้องประชาชนที่ร่วมเสนอแนวคิดมา และให้นักวิชาการ ผู้บริหารพรรค ผลักดันเป็นนโยบายแล้วนำไปใช้ และยืนยันว่านโยบายพรรคไม่ใช่ประชานิยมแน่นอน

ดร.ปิติพงศ์ ระบุต่อว่า ชายแดนใต้ถือเป็นหนึ่งในจุดพื้นที่สำคัญของพรรค โดยมีเลขาธิการพรรคฯ เป็นคนผลักดันในการขับเคลื่อนความเป็นธรรมให้คนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ เสนอแนวคิดในการบริหารจัดการตัวเอง ให้ผู้สมัครนำเสนอความคิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรงได้ และพื้นที่สามจังหวัดยังมีปัญหาเรื่องรายได้ เราจึงเสนอสร้างนิคมฮาลาน คือนิคมของชาวมุสลิมเอง และจะสามารถทำได้หากความไม่สงบในพื้นที่หมดไป และคนในพื้นที่มีสิทธิ์เลือกตั้งจากคนที่เราเลือกเอง มาเป็นผู้ว่าฯ ต้องเอาทหารออกจากระบบ

ส่วนเรื่องการจับมือกับพรรคการเมืองใด ดร.ปิติพงศ์ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน พรรคเป็นธรรมเดินได้ด้วยตัวเอง เรายืนได้ด้วยอุดมการณ์ที่ขายมาตลอด ไม่จำเป็นต้องไปจับมือกับใคร และต้องรอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน หากมีอุดมการณ์เดียวกัน ก็ร่วมมือกันได้ พร้อมย้ำว่าจะเน้นความเป็นประชาธิปไตย

ด้านนายกัณวีร์ ระบุว่า นโยบายทั้งหมดของพรรคมาจากประชาชนจริง ๆ จากโครงการฟังเสียงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้จัดทีมลงไปฟังเสียงประชาชนจริง ๆ ว่าเขาต้องการอะไร จะแก้ไขอย่างไร ซึ่งนโยบายแรกคือการจัดการตัวเอง ในพื้นที่ 3 จังหวัดอย่างปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ที่มีเขตการเลือกตั้งทั้งหมด 14 เขต ก็หวังจะได้ทั้งหมด

“เรามีหลักการทางการเมืองของเรา ที่ผ่านมาเห็นว่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยไม่มั่นคง แก้ไขปัญหาไม่ได้เลย ทางพรรคจึงใช้หลักธรรมนำการเมือง ใช้ประสบการณ์ที่ทำงานกับองค์กรสหประชาชาติ เพื่อคุยกับประชาชนในพื้นที่ หลัก 4 ข้อที่เรามีสามารถใช้ได้จริง และการกระจายของพรรคการเมืองอื่นแตกต่างจากเราแน่นอน เพราะการกระจายอำนาจต้องเป็นป่าล้อมเมือง เริ่มจากชายแดนก่อน แล้วค่อยเข้ามาในเมือง”

Related Posts

Send this to a friend