POLITICS

‘อนุทิน​’ ย้ำ​ สถานบันเทิงนอกโซนนิ่ง​ จำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​เกินเวลา​ต้องถูกดำเนินคดี

‘อนุทิน​’ ย้ำ​ สถานบันเทิงนอกโซนนิ่ง​ จำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​เกินเวลา​ต้องถูกดำเนินคดี​ บอก​ ต้องคิดต่อพิจารณาเป็นกรณีขยายพื้นที่โซนนิ่งหรือไม่​ หวั่น​ มองเอื้อเฉพาะผู้มีใบอนุญาต​จำนวนน้อย​

นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ กล่าวถึง​การลักลอบเปิดสถานบันเทิง​ถึงตี​ 4 นอกพื้นที่นอกโซน​นิ่ง​ อย่างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม​ ว่า​ หากสถานบริการที่อยู่นอกโซนนิ่ง แต่เปิดให้บริการ และจำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​เกินกว่าเวลาที่กำหนด​ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย​ โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องกวดขัน​ให้มากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต​ พบว่านักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี​ พร้อมกับระบุว่ากฎหมายมีช่องเพียงพอที่จะทำให้เกิดความปลอดภั​ยได้ ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม ​และมีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา​

นายอนุทิน​ ยังระบุอีกด้วยว่า​จะต้องไปคิดต่อว่าถ้าทุกคนให้ความร่วมมือและรักษาระเบียบได้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตราย แต่ก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือผู้ประกอบการเช่นกัน​ ไม่เช่นนั้นนโยบายจะเอื้อเฉพาะผู้มีใบอนุญาตเท่านั้น ​ซึ่งมีจำนวนน้อย​ ตอนนี้หน้าที่ต้องคิดต่อเนื่องเพราะเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้​ มีรายได้และโอกาสทำมาหากินเพิ่มขึ้น​ ก็จะเป็นผลดีโดยรวม​ พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีการพิจารณา​ต่อว่าอาจต้องมีการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่ม​แอลกอฮอล์​ต่อ​ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้​ ขอรอดูสถานการณ์​ก่อน​

ส่วนแนวโน้มการขยายพื้นที่โซนนิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และในวันนี้ตนเองจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่จังหวัดเชียงใหม่ หากได้รับความร่วมมือจากทุกคน​ รวมไปถึงการรักษากฎหมายมีประสิทธิภาพ ตนเองก็จะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้สั่งการให้ใช้นโยบายดังกล่าวนี้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจเพียงเท่านี้​ จึงจำเป็นต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ หรือ​ ป.ป.ส.​เข้าร่วมจึงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา​ระดับสูง​

ส่วนจะมีการประเมินเมื่อใดนั้น​ นายอนุทิน​ ระบุว่าโดยเร็วที่สุด ทำได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ก็ทำ​ เหมาะสมเมื่อใดก็ทำ​ ก่อนย้อนถามว่าหากประเมินแล้วอยู่ในระยะปลอดภัย ปีหนึ่งไหวไหมล่ะ หากเหมาะสมและพร้อมเมื่อใดก็จะประเมินเมื่อนั้น ซึ่งก็ต้องไปตรวจดูว่ากฎหมายให้ทำได้แค่ไหน​ แต่สิ่งที่ยากคือการแก้ไข พ.ร.บ. เนื่องจากต้องรอนำเข้าเพื่อพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา แต่หากเป็นเรื่องของประกาศกระทรวง​ หรือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี หรือพระราชกำหนด เราก็พยายามดูอยู่ว่าหากเข้าช่องไหนแล้วเป็นประโยชน์​ ควบคุมได้ก็จะทำ

Related Posts

Send this to a friend