POLITICS

‘ปิยบุตร’ ปฏิเสธข้อกล่าวหา รับรายงานตัวทุก 7 วัน

ชี้ทวีตไม่เข้าข่ายองค์ความผิด ฝาก ‘นักร้อง’ ดูกฎหมาย คิดก่อนฟ้อง ยันออกความเห็นต่อโดยสุจริตเพื่อประโยชน์สังคม

วันนี้ (20 มิ.ย. 65) เวลา 13:00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (พงส.) สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดุสิต ตามหมายเรียกผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ครั้งที่ 1 ซึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม

นายกฤษฎางค์ ชี้แจงกระบวนการในชั้นสอบสวนในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก รศ.ดร.ปิยบุตร มารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณี นายเทพมนตรี ลิมปพยอม แจ้งความกล่าวหา ม.112 ตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 โดยยื่นพยานหลักฐานเป็นถ้อยคำทั้งในบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของ รศ.ดร.ปิยบุตร ซึ่ง พงส. เห็นว่ามีข้อความเข้าข่ายองค์ความผิดอยู่คือในบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 64 ที่ว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหาก ที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ”

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า วันนี้ รศ.ดร.ปิยบุตร ได้รับทราบข้อกล่าวหา และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด โดยขอเวลารวบรวมถ้อยคำเพื่อโต้แย้งต่อสู้คดีต่อภายใน 30 วันนับจากวันนี้ โดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามาพบด้วยเอง ตลอดจนไม่มีการขอศาลออกหมายจับหรือหมายขังไว้

ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า วันนี้เรามาพบ พงส. ตามนัด ในชั้น พงส. ก็ไม่ได้ควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุมตัว แต่ทาง รอง ผบช.น. ให้ความเห็นว่าน่าจะจัดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเป็นภาระขึ้นและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยหรือหมายศาล แต่เพื่อไม่ให้ พงส. ลำบากใจ และมาร่วมมือกัน รศ.ดร.ปิยบุตร จึงยืนยันว่าจะมารายงานตัวทุก 7 วัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเงื่อนไขดังกล่าวทำให้น่ากังวลใจต่อการต่อสู้ทางคดีต่อไปหรือไม่ นายกฤษฎางค์ ตอบว่า ไม่ได้ทำให้เราเพิ่มความหนักใจ เพราะเรามีความหนักใจตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากนี้เท่าที่เราถามกับทาง พงส. ว่ามีแรงกดดันใด ๆ หรือไม่หรือมีใบสั่งหรือเปล่า ทางรองผู้การ น.1 ก็บอกว่าไม่ต้องกังวลใจ ท่านจะให้ความเป็นธรรม โดยให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีเต็มที่ คือให้ทำสำนวนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในอีก 6 เดือน

ด้านรศ.ดร.ปิยบุตร กล่าวว่า ยืนยันว่าข้อความที่คุณเทพมนตรีกล่าวโทษไว้ทั้ง 8 ข้อความ อ่านหมดแล้วไม่มีข้อความไหนเข้าองค์ความผิดเลย และแม้ในท้ายที่สุด พงส. มีความเห็นตั้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องเพียง 1 ข้อความ ผมคิดว่าวิญญูชน คนมีเหตุมีผล มีอัตตวินิจฉัย มีสติสัมปชัญญะ อ่านข้อความอีกครั้ง ก็จะพินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่เข้าข่ายองค์ความผิด ตรงไหนก็ไม่เข้า สักคำหนึ่งก็ไม่เข้า ก็เดี๋ยวต่อสู้คดีกันไป

“คดีที่ผมโดนไม่ใช่ตัวผมคนเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ของการใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านยอมรับกันแล้วว่ายุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันจำนวนมาก ผมจึงมีความเห็นว่าเพื่อให้อยู่อย่างปกติสุข ควรมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้พูดคุยกันได้ในรูปแบบวิชาการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่การแสดงออกของผมกลับถูกดำเนินคดี หากในท้ายที่สุดสังคมเห็นว่าการแสดงความเห็นทางวิชาการนี้ยังโดนคดี จะไม่เห็นพื้นที่พูดคุยในที่สาธารณะได้เลย” รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าว

รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าวถึงผู้กล่าวโทษร้องทุกข์ว่า ไม่เป็นไร ผมไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน อยากเรียนนักร้องว่าให้พิจารณาเรื่องกฎหมายบ้าง นี่คือการเอาผิดในทางคดีอาญา มันมีความผิดอยู่ไม่ใช่เอาจินตนาการ เอารู้สึกนึกคิดเอาเอง ไปแจ้งความคนเพื่อปิดปากไม่ให้เขาพูด โต ๆ กันแล้วควรคิดได้

“ผมไม่เคยคิดจะดำเนินคดี คุณเทพมนตรี สำนักข่าวหรือผู้สื่อข่าว Top News เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่รักผม คนจะรักต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่เอากฎหมายหมิ่นประมาทไปแจ้งความ” รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการแสดงความเห็นต่อไปหรือไม่ รศ.ดร.ปิยบุตร ตอบว่า ผมคิดว่าเรามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอของผมไม่ใช่เพิ่งมาพูด แต่พูดมา 10 กว่าปี ข้อความและเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันมาตลอด แต่กลายเป็นว่าพอเข้าสู่แวดวงการเมืองก็ยังเอาเรื่องนี้มากล่าวหาดำเนินคดีอีก ยืนยันว่าความคิดเห็นของผมที่ดำเนินอย่างสุจริตใจนั้นก็จะดำเนินต่อไป ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผม แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมไทย

Related Posts

Send this to a friend