‘นภินทร‘ ยัน รัฐบาลเร่งบุกตลาดส่งออกผลไม้ไทย จีน – อินเดีย

วันนี้ (20 พ.ค. 68) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอแนะให้รัฐบาลเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม หลังจากนายกรัฐมนตรีทำการไลฟ์สดขายทุเรียนว่า ปัจจุบันการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ขณะที่การขายผ่านช่องทางออฟไลน์อยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ดังนั้น การไลฟ์สดจึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่นเมื่อครั้งที่ตนเองเดินทางไปนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน การไลฟ์ขายทุเรียนไทยที่มีคุณภาพ ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป มีการกำหนดวันตัดที่ชัดเจน และมีการวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้รับทุเรียนคุณภาพดี ไม่มีหนอนหรือวัชพืชปนเปื้อน และไม่มีทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้ไม่มีทุเรียนหรือผลไม้เมืองร้อนของไทยตกค้าง ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลไม้เมืองร้อนอันดับหนึ่งของโลก โดยมีการคัดเกรดที่ดีที่สุดเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน จากการไลฟ์สดผ่านแพลตฟอร์มเหอหม่าในครั้งนั้น พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีไลฟ์ขายทุเรียน แม้อาจไม่ได้มุ่งหวังยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบว่าถึงฤดูกาลผลไม้ไทยแล้ว และเป็นการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคผลไม้ในประเทศมากขึ้น ผู้ใดที่ตำหนินายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ ส่วนตัวมองว่าเป็นการติชมที่คลาดเคลื่อน และไม่ควรนำเรื่องเล็กน้อยมาเป็นประเด็น
สำหรับเป้าหมายการส่งออกทุเรียนในปีนี้ที่ตั้งไว้กว่า 1 ล้านตันนั้น นายนภินทรให้ข้อมูลว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีผลผลิตทุเรียนประมาณ 1,200,000 ตัน ส่งออกไปแล้วประมาณ 950,000 ตัน และมีการบริโภคในประเทศประมาณ 320,000 ตัน ส่วนในปีนี้คาดว่าสภาพดินฟ้าอากาศที่ดีและพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300,000 ตัน ขณะที่การบริโภคในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ดังนั้น การส่งออกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามบุกตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการเดินทางเยือนหลายมณฑลของตนเอง พบว่ามีความต้องการทุเรียนไทยสูงมาก ประเด็นสำคัญคือทำอย่างไรให้ทุเรียนไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เร็วที่สุดและไม่ติดปัญหาที่ด่านศุลกากร ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบร้อยละร้อยทั้งที่ด่านไทยและด่านจีน จึงได้ประสานงานกับผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ (ล้ง) เพื่อนำดิน น้ำ และกล่องบรรจุภัณฑ์มาตรวจสอบ พบว่ากล่องบางส่วนมีความเข้มของสารบีวายทูสูงถึงกว่า 130 ส่วนในกิโลกรัม ขณะที่มาตรฐานของจีนกำหนดไว้เพียง 2 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม จึงได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างกล่องจากทุกล้งมาตรวจสอบ และประสานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้รับรองกล่องที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ปัจจุบันการตรวจที่ด่านจีนไม่พบสารบีวายทูอีก นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้เจรจากับกรมศุลกากรจีนให้ผ่อนปรนการตรวจสารบีวายทูตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันทุเรียนไทยใช้เวลาขนส่งไปยังจีนเพียง 3-4 วันเท่านั้น จึงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีปัญหาทุเรียนล้นตลาดและสามารถส่งออกไปจีนได้ รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวจีน
นายนภินทร กล่าวเพิ่มเติมถึงการส่งออกไปยังประเทศอินเดียว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังพยายามบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่นโยบายของรัฐบาลอินเดียเน้นการปกป้องเกษตรกรในประเทศ ทำให้การนำเข้าสินค้าเกษตรค่อนข้างมีอุปสรรค อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานจนสามารถส่งออกลำไยล็อตแรกได้สำเร็จ โดยได้ชี้แจงว่าสินค้าเกษตรของไทยเป็นสินค้าระดับพรีเมียม และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อผลักดันผลไม้ไทยชนิดอื่นๆ เข้าสู่ตลาดอินเดียต่อไป