POLITICS

กต. ปรับแผนเช่าเหมาลำ รับคนไทยพักดูไบ ก่อนบินกลับไทย ตั้งแต่ 22 ต.ค.นี้

กต. ปรับแผนเช่าเหมาลำรับคนไทยพักดูไบ ก่อนบินตรงกลับไทย ตั้งแต่ 22 ต.ค.นี้ หวังอพยพตามเป้าไม่เกินต้นเดือนพฤศจิกายน แจงบินอ้อมเพื่อเลี่ยงขอผ่านน่านฟ้าบางจุดเสี่ยง “เอาชัวร์ ไม่ล่าช้า” คาดการณ์ยากปมปล่อยตัวประกัน ย้ำทุกฝ่ายทำเต็มที่

วันนี้ (18 ต.ค. 66) เวลา 15:00 น. นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบัน อิสราเอลยังมีการปฏิบัติการทางบก และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนอิสราเอล

นางกาญจนา รายงานผลกระทบต่อคนไทยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็น 30 ราย ผู้บาดเจ็บ 16 รายคงเดิม ผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 รายคงเดิม

ภารกิจการอพยพคนไทยกลับสู่ประเทศไทยนั้น ล่าสุดมีเที่ยวบินถึงประเทศไทยแล้วกว่า 7 เที่ยวบิน รวมจำนวน 926 คน และยังมีคนไทยที่เดินทางมาเองอีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ สำหรับกรณียอดคนไทยที่เดินทางบนเที่ยวบินไม่ตรงตามเป้าที่มีการลงทะเบียนไว้จริง นางกาญจนา ชี้แจงสาเหตุว่า คนไทยบางส่วนลงทะเบียนแจ้งความจำนงไว้ แต่เปลี่ยนใจไม่มา หรือไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ ซึ่งนางกาญจนา ย้ำว่า เป็นห่วงในส่วนของคนไทยที่ออกมาไม่ได้ ขอให้ไม่ต้องออกมาหากยังไม่ปลอดภัย สามารถเตรียมเดินทางใหม่ในวันรุ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ จะติดตามคนไทยทุกรายที่ลงทะเบียนไว้แล้วยังมาไม่ได้ หรืออยู่ในพื้นที่อื่น โดยยืนยันว่า คนไทยที่ประสงค์จะกลับบ้านจะได้กลับบ้าน คาดภายในสิ้นเดือน ต.ค. หรืออย่างช้าต้นเดือน พ.ย. จะนำพี่น้องคนไทยกลับบ้านได้ตามเป้า เพราะรัฐบาลพยายามจัดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทลอาวีฟ มายังประเทศไทย ให้ได้อพยพวันละอย่างน้อย 400 คน ทั้งเครื่องบินของกองทัพอากาศ และสายการบินพาณิชย์

นางกาญจนา แถลงถึงแผนการจัดเที่ยวบินเพิ่มเติมว่า จะมีการลำเลียงคนไทยที่ประสงค์กลับประเทศไปรอที่ประเทศที่สามคือ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 66 โดยการจ้างเหมาลำเครื่องบินขนาดใหญ่ซึ่งรับคนได้จำนวนมาก จากกรุงเทลอาวีฟมาพักรอยังนครดูไบ โดยความช่วยเหลือของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครดูไบ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ในการประสานทางการท้องถิ่นเพื่อการตรวจลงตรา (visa) และจัดหาโรงแรมที่พัก ก่อนจะมีเที่ยวบินรับกลับจากนครดูไบสู่ประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินจากหลายสายการบินที่ประสานงานไว้อย่างใกล้ชิด เช่น กองทัพอากาศ การบินไทย แอร์เอเชีย และนกแอร์

ส่วนประเด็นวิจารณ์ถึงการทำการบินอ้อมเพื่อไปยังกรุงเทลอาวีฟนั้น นางกาญจนา ตอบว่า เราไม่ได้ขอบินผ่านประเทศที่จะมีความเสี่ยงว่าอาจไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจได้รับอนุญาตแต่ล่าช้า

“เหล่านี้เราไม่ได้ขอ เพราะเราคิดว่าการเสียเวลาอ้อม 3-4 ชั่วโมงมันดีกว่าที่เราจะไปขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษกับหลายประเทศ สู้เราเอาให้ชัวร์ ๆ ว่าเราขอแล้วเราจะได้แน่ เราอยากให้มันเร็ว ไม่ล่าช้า”

นางกาญจนา ยังรายงานถึงการดำเนินการจัดที่พักพิงของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่า มีการจัดให้คนไทยเข้าศูนย์พักพิง David Intercontinental ที่เป็นศูนย์กลางการรายงานตัวแล้วรวม 593 ราย โดยมีทั้งหมด 7 โรงแรมที่พักพิงในอิสราเอล เพื่อเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน

นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังส่งเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแรงงานให้เดินทางมาถึงกรุงเทลอาวีฟ ด้วยความเป็นห่วงในการเดินทางมายังท่าอากาศยาน แม้แรงงานไทยในพื้นที่ใกล้ฉนวนกาซาส่วนใหญ่ออกมาแล้วโดยความช่วยเหลือของทางการอิสราเอล แต่ส่วนที่เหลือในพื้นที่ถัดจากชายแดนออกมา 4 กิโลเมตรนั้น ทางการอิสราเอลชี้แจงว่า ไม่ใช่เป้าหมายหลัก เบื้องต้นจึงคิดว่าคนไทยอพยพออกมาแล้ว อาจจะติดอยู่บ้างบางส่วน แต่ยืนยันจะประสานงานต่อไปในทุกช่องทาง

นางกาญจนา ยังแถลงข่าวถึงประเด็นการจับกุมคนไทยเป็นตัวประกัน โดยย้ำว่า รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สถานเอกอัครราชทูต และทุกฝ่าย มีการหารือในทุกระดับ ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ขอให้วางใจว่า ทุกฝ่าย ทุกคน พยายามให้ทุกคนกลับมาในประเทศไทย

นางกาญจนา อ้างถึงคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ที่เปิดเผยว่า มีสัญญาณบวกบ้าง คือ ได้ยินว่าตัวประกันของไทยอาจปลอดภัยอยู่ จึงหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ทั้งนี้ คาดการณ์ยากมากว่าจะปล่อยมาเมื่อใด ต้องติดตามสถานการณ์อื่นต่อไป อย่างการระเบิดในโรงพยาบาล ก็ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไป

สำหรับกรณีกลุ่มฮามาสยื่นข้อเสนอปล่อยตัวประกันต่ออิสราเอลนั้น นางกาญจนา ยืนยันว่า ทุกประเทศเจรจาทุกฝ่ายอยู่แล้ว ตัวประกันเป็นเป้าทุกคน เราอยากให้ทุกคนกลับสู่อ้อมอกประเทศไทย บางสิ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หลายหน่วยงานยังคงช่วยกัน หากนักวิเคราะห์อาจวิเคราะห์ในเชิงต่าง ๆ ไปก็ขอให้นึกถึงใจของญาติพี่น้อง หากมีข้อมูลที่ยังไม่ยืนยัน ก็อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปได้

Related Posts

Send this to a friend