POLITICS

‘วันวิชิต’ วิเคราะห์เส้นทางการเมือง ‘พลเอกประวิตร’ อยู่หลังฉากดีที่สุด บารมีไม่หดหาย

‘วันวิชิต’ มองเป็นโอกาส ‘ก้าวไกล’ แสดงศิลปะเจรจากองทัพ วิเคราะห์เส้นทางการเมือง ‘พลเอกประวิตร’ อยู่หลังฉากดีที่สุด บารมีไม่หดหาย ยังไม่ชัดจะสละปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่

วันนี้ (18 พ.ค.66) ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ถึงทิศทางเหล่าทัพหลังพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า กองทัพต้องแสดงบทบาทของความเป็นทหารอาชีพต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง และยอมรับผลการจัดตั้งรัฐบาลโดยฝ่ายพลเรือน เพราะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่มีพลเรือนมาคุมกองทัพ เรียกว่า “Civilian Supremacy” หมายความว่า กองทัพนั้นยอมรับการโดนปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนอย่างสุจริตใจโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นการสร้างมาตรฐานสากล “กองทัพเข้าสู่โหมดทหารอาชีพที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น”

หลายคนจะตั้งคำถามจากผลการเลือกตั้งนี้ จะนำไปสู่การไม่พอใจของผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลา 9 ปี กองทัพเป็นเนื้อเดียวรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอดนับตั้งแต่รัฐประหาร ส่วนตัวไม่เชื่อว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต่อต้านแบบนั้น โดยเฉพาะ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน ประกาศว่า “การปฏิวัติเป็นศูนย์” เขาไม่มีความคิดรัฐประหาร เพราะในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้งผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาหารทหารอากาศ ผู้บัญชาหารทหารสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเกษียณพร้อมกัน ดังนั้นเป็นอำนาจของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะต้องจัดสมการแผงอำนาจ

ดังนั้นเราจะได้เห็นบทบาท และความสามารถของรัฐบาลชุดใหม่ในการประนีประนอม แตกหัก หรือการพูดคุยเจรจากับกองทัพ เป็นบททดสอบของว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมาจากพลเรือน หรือมาจากตัวแทนอดีตนายพลกองทัพ เราจะได้เห็นศิลปะของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะต้องพูดคุยกับกองทัพ

ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลายคนอาจจะเห็นว่าบทบาทของพรรคก้าวไกล และกองทัพเป็นปฏิปักษ์กัน แต่บางเรื่องก็อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถรับได้ เช่น บางเรื่องที่กองทัพได้นำร่องไปแล้วคือ การลดสัดส่วนการเกณฑ์ทหาร แม้ว่าจะไม่เข้าหลักเกณฑ์ของพรรคก้าวไกลที่ต้องการยุติการเกณฑ์ทหารแล้วเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ แต่ปัจจุบันตัวเลขผู้เข้าสู่ทหารสมัครใจเพิ่มขึ้นทุกปี

หากพรรคก้าวไกลจะดูแลกระทรวงกลาโหมอาจจะต้องไปดูเรื่องสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย สวัสดิการของข้าราชการกระทรวงกลาโหม เพราะในหน่วยเลือกตั้งเขตทหาร พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงท่วมท้น แสดงว่าพรรคก้าวไกลแก้ปัญหาได้ถูกจุดมากกว่าไปรื้อการแต่งตั้งโยกย้ายจนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งซึ่งต้องระวัง พรรคก้าวไกลจึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือแก่กองทัพด้วยความปรารถนาดีที่จะเข้าไปพิจารณางบประมาณกองทัพอย่างเป็นธรรม เพราะเป็นช่วงรอยเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลเก่าที่กำลังจะหมดวาระไป แต่ทั้งหลายต้องดูว่าอำนาจรัฐบาลรักษาการจะมีการแต่งตั้งอย่างทิ้งทวนหรือไม่ แต่โดยมารยาทจะไม่ทำ เพราะต้องปล่อยให้อำนาจรัฐบาลชุดใหม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายด้วย

เมื่อถามถึงอนาคตทางการเมืองของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเลือกตั้งในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพียงหนึ่งเดียวพรรคพลังประชารัฐ ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าพลเอกประวิตร จะเดินหน้าเล่นการเมืองอีกแล้ว เพราะอายุ 78 ปี และหลังผลเลือกตั้งความนิยมของพรรคพลังประชารัฐไม่สูงมาก ดังนั้นบทบาทของพลเอกประวิตร ควรจะอยู่การเมืองหลังฉากดีที่สุด เชื่อว่าบารมีไม่ได้หดหาย กลุ่มเครือข่ายยังคงแวะเวียนเข้าหาเหมือนเดิม

ส่วนพลเอกประวิตร จะสละตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น มองว่าการขยับขยาย และความชัดเจนจะเกิดขึ้นภายหลังการโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา และจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่

Related Posts

Send this to a friend