POLITICS

รมว.คลัง แจงงบกลาง 3.185 พันล้านเหมาะสม ไม่ต้องปรับลด

รมว.คลัง แจงงบกลาง 3.185 พันล้านเหมาะสม ไม่ต้องปรับลด เชื่อปีหน้าจัดเก็บรายได้มากขึ้น หากฉุกเฉินอาจขยายเพดานหนี้สาธารณะ 70% ‘พิเชษฐ์’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ทลายสถิติก่อหนี้ชนเพดาน แนะประกาศลาออกกลางที่ลงมติงบ 19 ส.ค. คืนเงินให้ประชาชน

วันนี้ (17 ส.ค. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในวาระที่ 2 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และได้ดำเนินการประชุมมาถึงมาตรา 4 ว่าด้วยงบประมาณในภาพรวมของประเทศ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2566 ได้ลุกขึ้นชี้แจง

นายอาคม กล่าวว่า สำหรับเรื่องการปรับลดงบฯ ปี 2566 ว่ากรรมสธิการฯ เสียงส่วนใหญ่ยืนยันว่าวงเงิน 3.185 ล้านบาท มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากความจำเป็นของหน่วยรับงบประมาณต้องจัดสรรงบการลงทุนให้แต่ละโครงการอย่างเพียงพอ และความจำเป็นในการใช้งบประมาณแผ่นดินในช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ซึ่งกำลังฟื้นไปอย่างช้าๆ เช่น ภาคการท่องเที่ยวเองก็ดีขึ้นมาตามลำดับ และจะนำมาสู่การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลในปี 2566 นี้

แม้จะมีปัจจัยไม่แน่นอน อย่างราคาพลังงาน แต่ปัจจุบันแนวโน้มราคาพลังงานก็เริ่มปรับตัวลดลงแล้ว ในส่วนของการจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปเกินเป้าหมาย และสูงขึ้นกว่าปี 2564 อาจนำมาสู่การปรับลดภาษีสรรสามิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันไม่ให้เป็นปัญหามากเกินไป ดังนั้น ยังมีความมั่นใจว่าในปี 2566 นอกจากการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน ก็จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหนือกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับข้อสังเกตของสมาชิกต่อการก่อหนี้ และค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกินตัว นายอาคม ชี้แจงว่า ทางกระทรวงการคลังได้รับการอนุมัติให้ขยายเพดานเพิ่มเป็น 70% ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือฉุกเฉิน รัฐบาลยังมีพื้นที่ใช้งบประมาณอื่นที่นอกเหนือจากงบประมาณกลางด้วย แต่จะคุมไว้ไม่เกิน 70%

จากนั้น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ ผู้สงวนคำแปรญัตติ ได้อภิปรายว่า การขยายเพดานหนี้สาธารณะ 70% ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือนายกรัฐมนตรีผู้ยึดอำนาจมา 8 ปี ได้สร้างตัวเลขหนี้สาธารณะอันเป็นสถิติไปถึง 70% แล้ว นายกฯ เพียงคนเดียวสามารถสร้างหนี้ได้เกือบ 5 ล้านล้านบาท จนชนเพดาน

“นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยตั้งแต่ต้นมาจนถึง พล.อ. ประยุทธ์ ได้สร้างหนี้ไว้ 5 ล้านล้านบาท แต่ พล.อ. ประยุทธ์ คนเดียว สร้างหนี้ถึง 5 ล้านล้านบาท ชนเพดานเกือบ 70% หนี้ครัวเรือนเกือบแตะ 15 ล้านล้านบาท เป็นการตั้งสถิติใหม่ทุกสถิติสำหรับ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่สามารถตั้งงบได้เกิน 3.185 พันล้านบาท เพราะจะเกินเพดานหนี้สาธารณะ” นายพิเชษฐ์ กล่าว

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องในวาระที่ พล.อ. ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่จะถึง ซึ่งจะเป็นวันลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2566 หวังว่า พล.อ. ประยุทธ์ ได้มายืนบนบัลลังก์นี้ แล้วบอกว่า ผมพอแล้ว ผมหยุดแล้ว ขอมอบงบประมาณคืนให้กับประชาชน จะเป็นภาพที่สง่างามมาก และด้วยการกู้อย่างมหาศาล รัฐบาลใดที่มาทำหน้าที่ต่อจากรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จะน่าสงสารที่สุด เพราะต้องมาใช้หนี้ให้เผด็จการ ไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

“ผมอยากจะให้ท่านประยุทธ์พ้นเสียตั้งแต่วันนี้ ไปเถอะ กลับบ้านไปเลี้ยงหลานเสีย เอื้อประโยชน์พวกพ้อง งบประมาณกระจุกที่บ้านรัฐมนตรี” นายพิเชษฐ์ กล่าว

ในระหว่างนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานการประชุม ได้ขัดขึ้นพร้อมเตือนว่าขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบเนื้อหาของมาตรา 4 เพราะอาจจะมีผู้ประท้วงได้ และตอนบ่ายก็จะมีการยื่นญัตติเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว

Related Posts

Send this to a friend