POLITICS

’ทักษิณ‘ โชว์วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก

’ทักษิณ‘ ปาฐกถาพิเศษ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก – พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” โชว์วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ชี้ ต้องลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ให้ประชาชนเข้าถึงรถสาธารณะ เชื่อตั้ง AMC เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยแก้ปัญหาครัวเรือน มอง ถึงเวลาต้องแก้ไขระบบราชการให้มีศักยภาพ – ถึงเวลาปรับลดงบทหาร ปรับเปลี่ยนยุทโธปกรณ์หลายสิ่งเก็บซากไว้เบิกค่าน้ำมัน ซัด ผู้นำเขมรไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งง ทำไมคนไทยไม่รักกัน ถาม พรรคที่เพิ่งหลุดจากรัฐบาล เป็นไทยหรือเขมร มาด่าลูกสาวขายชาติ

วันนี้ (17 ก.ค. 68) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงาน “ปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” (Unlocking Thailand’s Future) โดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต”

นายทักษิณ กล่าวว่า ตนพูดมาหลายรอบ มีเรื่องใหม่บ้างเก่าบ้าง และเรื่องที่เคยพูดสมัยเมื่อเป็นนายกฯ 20 ปีที่แล้ว วันนี้มันไม่ค่อยไปไหน หลายเรื่องมีถอยไปด้วยซ้ำ ตนก็งงว่าจากประเทศไปหลายปี กลับมาเจอหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่ละเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน หรือส่วนราชการ ที่มีคนเก่งๆ ประเทศไทยวันนี้เราต้องการความเชื่อมั่น ในหมู่คนไทยด้วยกัน และวันนี้บางทีคนไทยก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และไม่พยายามที่จะร่วมพลังกัน ให้มีความเป็นหนึ่งเพื่อจะแก้ไขปัญหาด้วยกัน

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจ ผู้นำเขมร ไอ้มันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมงงว่าทำไมวันนี้คนไทยไม่รักกัน ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำที่ไหนในโลกเขาทำกัน แต่ว่าเรากลับอื้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพิ่งหลุดออกไปจากรัฐบาลนี้ ก็กลับมามองว่าเป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงเค้าเป็นเขมรหรือเป็นไทย ไม่แน่ใจ “ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่เราสะดุดปัญหาของประเทศ อย่างแรกคือปัญหาการเมือง การเมืองในสมัยรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน วันนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามา เลือกตั้งครั้งแรก เป็นครั้งแรกที่ขายนโยบาย แล้วชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความแข็งแรงของพรรคไทยรักไทย ในช่วงรัฐธรรมนูญปี 40 เมื่อมีการปฏิวัติก็เลยถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสม และหลายพรรค ก็นึกถึง 51 ปีที่แล้ว ตอนช่วยราชการอยู่กับ นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย โดยมีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกันเลยการเมืองไม่มีเสรีภาพ ล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน แต่ตนอยากขอร้องทุกคนว่า การเมืองเปลี่ยนเเปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือข้าราชการต้องทำงานต่อไป ภาคเอกชนก็ต้องทำงานต่อไป และรัฐบาลก็มีหน้าที่สนับสนุน ให้ภาคเอกชนแข็งแรง

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่เราสะดุด คือเรื่องภาษีทรัมป์ ที่เรากำลังเจรจาอยู่ ทีมไทยแลนด์กำลังเจรจาอยู่ โดยได้ยื่นข้อเสนอใหม่ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็นั่งกำกับ ไม่ให้เราเสียเปรียบ ไม่ให้เราถูกเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตร อย่างที่ตนเคยบอกว่ามี 3 ก้อน ซึ่งก้อนหนึ่ง คือเราเอาของเข้ามาจากจีน แล้วประกอบและส่งไป เป็นผลิตในไทย อีก 2 คือส่งไปในอเมริกา โดยเทคโนโลยี และบริษัทอเมริกัน มาตั้งในประเทศไทย 2 ตัวนี้จะไม่กระทบอะไรกับเรามาก แต่ที่กระทบมากคือตัวที่เกี่ยวข้อง กับสินค้าที่เราส่งไป เช่นสินค้าเกษตร สินค้า SMEs หรือพวกอัญมณี ซึ่งเรากำลังแก้ไข และให้แนวทางกันว่า ถ้าเราจะนำเข้าสินค้าจากอเมริกา แล้วมาแข่งขัน กับสินค้าที่เรานำเข้าจากประเทศอื่น ก็เป็นเรื่องที่ดี

เรายอมรับให้เข้ามาแข่งกันเอง เช่น เนื้อ ที่จะมีการแข่งขันกับออสเตรเลียหรือมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ก็ไม่เป็นอะไร หลายอย่างที่เราเปิดได้เราก็เปิด สิ่งที่เราเปิดวันนี้เราก็คุยกัน น่าจะเป็นข้อเสนอ ที่นำไปสู่การตกลงใจกันได้ แต่ให้จำไว้ว่า คำว่าดีลไม่มีจบ ถ้ายังไม่พอใจก็ดีลกันต่อ นี่เป็นลักษณะการเจรจาธุรกิจ คำว่าประเทศ เขาใช้คำว่า Economic ก็คล้ายๆ ธุรกิจ ที่ต้องเจรจากันต่อเนื่องตลอดไป เพราะฉะนั้นเราหยุดตรงนี้ไม่ได้

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศเราอีกอัน จากการวิเคราะห์ทั่วโลก GDP ของประเทศไทย โตน้อยเกินศักยภาพ ไประหว่าง 22-75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เราอยู่อันดับที่ 24 ของโลก GDP ที่โตช้า มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเป็นเรื่องใหญ่ คือเราบริหารโดยไม่บริหารมานาน ไม่มีกลยุทธ์ ว่าจะแข่งขันกับเขาอย่างไร ทำให้เราช้า อีกเรื่องคือธนาคารแห่งประเทศไทย พยายามจะรักษาสถานะ ของธนาคารพาณิชย์ เพราะกลัวธนาคารพาณิชย์จะพลาด เหมือนยุคต้มยำกุ้ง ทำให้ดึงฐานเงินออกจากระบบ เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความเสี่ยงน้อย ธุรกิจก็เหนื่อย ไม่รู้จะไปหาแหล่งทุนที่ไหน ประกอบกับการที่เราไม่ป้องกันตัวเอง พอจีนส่งสินค้าเข้ามา มีคอรัปชั่นตามชายแดน ศุลกากรต่างๆ ก็ทำให้SMEsของเราตาย ซึ่งเราสู้เขาไม่ได้ ในเชิงของ Economies of Scale
อยู่แล้ว และเทคโนโลยีเราก็ไม่ค่อยทันสมัย มาเจอสินค้าที่เข้ามาทุ่มตลาด ราคาถูกโดยไม่ผ่าน มอก. และไม่มี อย. พอตนต่อว่าไป เขาบอกว่า อย.ขอยากมาก นี่เป็นสิ่งที่เราต้องไปแก้กติกาของเรา นี่เป็น 3 ข้อที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ชะงักเงินในช่วงนี้

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนพยายามอย่างยิ่ง ที่จะจัดตั้งAMC ( Asset Management Company) หรือ บริษัทจัดการสินทรัพย์ ของภาคประชาชน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงเหลือเกิน แต่คลังยังไม่รับลูกเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าเที่ยวนี้มันจำเป็น วันนี้นี่ครัวเรือนสูง อาจจะต่อเนื่องมาตั้งแต่ โควิด-19 และคนไทยก็ไปเสียเงิน จากการเล่นหวยเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งวันนี้หนี้สินอยู่ที่ 92% ของ GDP วันนี้ถ้าเราซื้อหนี้ภาคประชาชน ออกมาจัดตั้ง AMC ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์ กับ AMC ที่มีอยู่ แต่สามารถทำในสาขาแยกออกมาได้ ถ้าใช้พันธุ์เดียวกันจะมีปัญหา ใช้กฎหมายเดียวกันได้ แต่ต้องแยกมนุษย์คนละพันธ์ุมาบริหาร เพราะเป็นลูกค้าคนละกลุ่ม พร้อมย้ำว่า AMC จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเอาจริงจัง ถ้าไม่ทำคนไทยหายใจไม่ได้ กำลังซื้อจะไม่กลับมา และไม่มีทางที่จะดิ้นรนทำมาหากิน ในเรื่องใหม่ๆได้

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า การลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเรื่องไฟฟ้า วันนี้ตนอยากจะพูดยาวหน่อย วันนี้ถ้าเราใช้รถไฟฟ้า แต่ถ้าเป็นของจีนทั้งหมด เราเจ๊งก่อน แล้วจะทำอย่างไร ถึงจะสร้างอุตสาหกรรม ที่มีอีโคซิสเต็มส์ (Ecosystem) ของเรา ที่แข็งแรงแล้ว โดยใช้โรงงานผลิตในประเทศไทย ใช้อุตสาหกรรมต่อเนื่องทางรถยนต์ ที่เรามีระบบที่ดีอยู่แล้วให้ได้ แล้วส่งเสริมไฟฟ้าอย่างจริงจัง มันเป็นเรื่องที่ควรต้องทำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ภาคประชาชน

สำหรับเรื่อง 20 บาทตลอดสาย สิ่งที่เราคิดวันนี้ต้องลดค่าจราจร ซึ่งตนเป็นคนเสนอสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ซึ่งปรากฏว่าคนยังใช้ไม่มาก เพราะไม่มีฟีดเดอร์ และวันนี้หากลดค่าบริการลงเหลือ 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้ และนำรถเมล์เปลี่ยนเป็นฟีดเดอร์ เราจึงจะประสบความสำเร็จที่สุด เพื่อให้ประชาชนใช้ระบบสาธารณะ และรถราต่างๆจะลดน้อยลง ขณะเดียวกันถนนใหญ่ๆ ต้องทำถนนชาร์จไฟแบบไร้สาย ซึ่งต่างประเทศเขาทำกัน เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินอุดหนุนให้กับคนทั่วไปที่ใช้รถสาธารณะ ซึ่งจะเร่งให้เสร็จภายใน 2-3 เดือนนี้

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของภาครัฐเป็นปัญหามาก เพราะส่วนราชการใหญ่ขึ้นจำนวนข้าราชการมีมากขึ้น และการบริการแย่ลง เมื่อก่อนตอนที่ตนอยู่เราพยายามให้ข้าราชการให้บริการ รวมถึงช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งวันนี้ต้องมาแก้ไขระบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และถ้าจะปรับโครงสร้างระบบราชการทุกกระทรวงไม่ว่าจะเป็นองค์กร ระเบียบกฎหมาย และงบประมาณ ซึ่งอาจจะขอให้มหาวิทยาลัยรับไปดูแลในแต่ละกระทรวงเพื่อทำแผน และนำเสนอให้กับรัฐบาลเพื่อเห็นแนวทางในการปรับปรุงการบริหารของระบบราชการ และต้องพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายภาครัฐลง เพราะวันนี้ค่าใช้จ่ายภาครัฐสูงมาก สูงจนไม่มีเงินจะบริหาร จึงต้องดูว่าจะปรับปรุงข้าราชการอย่างไร

นายทักษิณ ยังยกตัวอย่าง เช่น ที่ดูไบไม่มีภาษี แต่เขามีคำว่า ฟี คือการเก็บค่าธรรมเนียมบริการใช้บริการของภาครัฐ และนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นสวัสดิการของข้าราชการ ซึ่งจะทำให้การบริการดีขึ้น และไม่มีใต้โต๊ะ และคำนวณได้ว่าค่าใช้จ่ายจะเป็นเท่าไหร่ ในการเดินงานแต่ละเรื่อง ทั้งอย่างรวดเร็วทันใจ และเป็นระบบดิจิทัลไลท์หมด ดังนั้นวันนี้ต้องแก้ไขระบบราชการให้ทันสมัย และประหยัด รวมถึงพยายามเก็บเป็นฟี มากกว่าใต้โต๊ะ เช่น ที่ข้างบ้านเล็กๆ 60 ตารางวา ขอรังวัดที่ดินมีค่าธรรมเนียมถูกต้องตามกฎหมาย และมีค่าวัดขั้นตอนเพื่อให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งแพงกว่าค่าธรรมเนียม เราก็ต้องจ่ายไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้รังวัดสักที นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ดังนั้นสู้เก็บบนโต๊ะ และเก็บมากหน่อยเพื่อนำไปแบ่งกับข้าราชการ เป็นค่าฟีจะดีกว่าหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องรีบ ส่วนงบประมาณของรัฐต้องประหยัด เช่น วันนี้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั่งอยู่สำหรับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งมีการกลบงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี แต่กลับไม่ได้ไปรีวิวว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนไป การบริการค่าใช้จ่ายผิดไปแล้ว ต้องเริ่มที่การจัดทำงบประมาณโดยความจำเป็น (Zero Based) ได้หรือไม่ ซึ่งต้องคำนวณว่าเป็นเท่าไหร่ต่อหัว อาจจะทำให้เราประหยัดได้มาก ไม่ใช่กลบไปเรื่อย ๆไม่เช่นนั้นสวัสดิการบ้านเราจะรับไม่ไหว

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณทหาร ซึ่งสูงขึ้นมากระหว่างที่ตนไม่อยู่ น่าจะถึงเวลาที่ต้องหาทางลด และปรับ เพราะต่อไปจะเป็นสงครามไซเบอร์ ต้องปรับเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ไม่เช่นนั้น เราจะล้าหลัง และล้าสมัย รวมถึงสิ้นเปลือง ซึ่งหลายอย่างเราเก็บซากไว้เพื่อเบิกค่าน้ำมัน เราต้องแก้ไขในจุดนี้ ดังนั้นระบบสวัสดิการของข้าราชการจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าใช้มหาวิทยาลัยเข้าไปดูแต่ละกระทรวงว่าจะปรับอะไรได้บ้าง ดีกว่าเอานักการเมืองเข้าไปดู เขาจะหาว่านักการเมืองไปกลั่นแกล้ง พร้อมย้ำว่า ต้องลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชน และภาครัฐ

Related Posts

Send this to a friend