‘ทักษิณ’ ชูไทยเป็น SMART CITY เน้นความปลอดภัย เป็นหัวใจสำคัญดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับ
‘ทักษิณ’ ชูไทยเป็น SMART CITY เน้นความปลอดภัย เป็นหัวใจสำคัญดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับ ยัน นักท่องเที่ยวจีนหาย ไม่เกี่ยวเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพราะยังไม่เกิด ออกหน้า จะไปให้สัมภาษณ์สื่อจีน “ใครมาเมืองไทยแล้วโดนฆ่า – ปล้น จะรับผิดชอบจ่ายเงินส่วนตัวให้”เสนอรัฐดัน AOT-ท่องเที่ยว-กาสิโน-บิทคอยน์-แซนด์บ็อกซ์ ดึงเงินโลก
วันนี้ (17 ก.ค. 68) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน “ปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” (Unlocking Thailand’s Future) โดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” โดยในช่วงหนึ่ง นายทักษิณ ระบุว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ควรเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญด้วยการนำเงินจากทั่วโลกเข้ามา เช่น การเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบิน เป็นศูนย์กลางผู้โดยสาร และคลังสินค้า เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการแวะพักเครื่องระหว่างทาง (Transit) ต่ำมาก เนื่องจากการบริการไม่เพียงพอ และการเชื่อมโยงไฟลท์ไม่ได้เกี่ยวโยงบริษัทกับการแวะพักเครื่องระหว่างทาง
ดังนั้น วันนี้ AOT สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แม้กระทั่งปัจจุบันก็มีการถกเถียงกันเรื่องห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ตนจึงบอกให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปทะเลาะกันเองว่า ห้องสูบบุหรี่ไม่สามารถสูบได้ภายในพื้นที่อาคาร แต่เมื่อคนที่มาเปลี่ยนเครื่องต้องมาสูบบุหรี่ เราจะทำห้องสูบบุหรี่ก็ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย บางทีเรามีกฎหมายอยู่อีกเยอะแยะหยุมหยิม ขณะเดียวกันเงินจาก AOT ที่ได้จากค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ PSC ก็สามารถนำไปขยายตามต่างจังหวัดได้ เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ หรือไปเทคโอเวอร์สนามบินกระบี่กลับมาเป็นของ AOT ก็ยังได้ ซึ่งวันนี้เป็นของกรมการบินพลเรือน ฉะนั้นเราจะต้องทำให้ AOT แข็งแรง และเป็นตัวทำเงินให้กับประเทศ
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว แน่นอนว่าเราต้องเน้นต่อไป วันนี้นักท่องเที่ยวจีนที่ลดการมาเมืองไทยน้อยลงก็เพราะว่าดาราโดนหลอก พร้อมยกตัวอย่าง กรณี นายหวัง ชิง ซึ่งเป็นดาราจีน ที่โดนคนจีนด้วยกันหลอก ไปเป็นสแกมเมอร์ฝั่งประเทศเมียนมา พอลงเครื่องเสร็จก็เดินทางไปแม่สอด และหายเข้าไป กว่าจะนำตัวกลับมาได้ก็ข่มขู่กันแทบตายกว่าจะได้ออกมา พอออกมาภาพก็เสียไปแล้ว และออกข่าวเต็มไปหมด นายหวัง ชิงจากที่เป็นนักแสดงไม่โด่งดังเท่าไหร่พอโดนหลอกที่เมืองไทยกลายเป็นที่นิยมไปเลย ซึ่งตอนนี้งานจ้างก็มีเพิ่มขึ้นมาก และเว็บไซต์บางเว็บก็ไปลงว่าเมืองไทยไม่ปลอดภัย แต่คงไม่ใช่เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพราะยังไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นวันนี้ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญ นอกจากเราจะทำเรื่องของเราแล้ว ตนคิดว่าเราต้องเร่งเมืองท่องเที่ยวให้เป็น SMART CITY นั่นคือการติดกล้อง AI ให้หมด
“วันก่อนมีคนเอาระเบิดควันไปทิ้งข้างบ้านติดกับผม บ้านข้างติดกัน ซึ่งอาจจะอยากทำให้ผมตกใจมั้ง แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่มาตอนตี 3 ตี 4 ค้นหาไม่เจอ แต่ตำรวจตามเจอรูปที่ 7-11 แถววงเวียนใหญ่ก็เลยจับได้หมด เพราะฉะนั้น SMART CITY ที่ติดกล้อง AI ทั่วไปหมด และมีซอฟต์แวร์ที่ถูกต้อง และดีรับรองได้ว่าความปลอดภัยจะสูงมาก เมื่อมีความปลอดภัย เราจะสามารถรับประกันนักท่องเที่ยวได้ เมื่อเรารับประกันนักท่องเที่ยวได้ นักท่องเที่ยวก็จะมาประเทศไทย ผมยังคิดว่าผมไปเมืองจีนรอบหน้า“ นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนจะสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จีนเอง ถ้าใครมาเมืองไทยแล้วโดนฆ่าโดนปล้น ตนจะรับผิดชอบให้ จะจ่ายเงินส่วนตัวให้ ผมจะ Insure เองเลย ต้องให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยให้ได้ ตนเป็นคนชอบเสี่ยงทั้งชีวิต ยกเว้นไม่ได้เล่นการพนัน
นายทักษิณ ยังเล่าว่า สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าใครจำได้ ตอนนั้นโรคซาร์สระบาดมีการใส่หน้ากากกันทั้งเมือง ตนก็เช็กกับทางเทคนิควิทยาศาสตร์ พบว่าโรคซาร์สไม่สามารถติดต่อผ่านทางเดินหายใจได้ ตนจึงถามว่าแล้วจะใส่หน้ากากทำไม ในเมื่อไม่ได้อยู่ใกล้กัน ตอนนั้นตนจึงชวนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปสนามบินดอนเมืองแบบไม่ใส่หน้ากาก เพื่อให้คนเห็นว่ามันไม่เป็นไร หลังจากนั้นตนก็เลยชวนคนไทยให้เลิกใส่หน้ากาก คนก็เลยมั่นใจว่าประเทศไทยไม่มีอะไรและเริ่มกลับมา และตอนไข้หวัดนก ตนก็ลองกินไก่ให้ดู เพราะรู้ว่าถ้าไก่ทำให้สุกเกิน 80 องศาก็จะไม่มีเชื้อโรคเหลือ ตนก็ให้ทำครัวกลางสนามหลวงเอา เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องชื่อดังไปด้วย โดยไปโชว์กินไก่ ปรากฏว่าไก่ก็เลยขายได้ แต่ CP ยังไม่มาขอบคุณตนเลยที่วันนั้นขายไก่ได้ นี่คือสิ่งที่ตนเสี่ยงเพื่อบ้านเมือง เพราะตนเป็นคนที่ถ้าให้เสี่ยงเพื่อบ้านเมืองไม่เคยกลัว เรื่องนี้ก็เหมือนการประกันภัย (Insurance) นักท่องเที่ยว ถ้าตนไปเมืองจีนเมื่อไหร่ตนก็จะประกาศประกันภัยด้วยตนเอง
สำหรับการท่องเที่ยว นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมเรื่องใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการจัดเทศกาล Tomorrowland ในปีหน้า อีกปีหนึ่งก็จะมีการแข่งขัน Formula 1 (F1) โดยใช้สนามแข่งที่เขตจตุจักร และจะเป็น F1 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะมีคนดูเยอะมาก เราจะเก็บเงินชาวบ้านถูกๆ เพื่อให้มีโอกาสได้เข้ามาดู แต่ในส่วนที่ราคาแพงจะเป็นห้องในราคา 100,000 – 200,000 บาท ส่วนชาวบ้านเก็บแค่ 100 บาท เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ เราต้องการให้เกิดกระแสความเข้าใจเรื่องใหม่ๆ ให้คนไทยได้ทันสมัยได้มีไอเดียที่จะคิดทำมาหากินในโอกาสต่อไป และก็จะมี Bangkok fashion’s week ควบคู่ไปกับการจัด F1 และจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ มาในช่วงนั้นด้วย เพราะฉะนั้นช่วงนั้นโรงแรมก็จะเต็มแน่นอนไม่เหลือที่อยู่ด้วยซ้ำ เราจะจัดให้บูมอย่างนั้นเลย นี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คุยกันและตกลงกันไว้ ซึ่งเข้าใจว่า Tomorrowland ได้เซ็นสัญญาแล้ว และ F1 ก็คุยกันเสร็จแล้ว ตอนนี้แฟชั่นวีคก็กำลังทำให้จบแน่นอนว่า แฟชั่นวีคเราต้องไปขอพระราชทานแนวไอเดียจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เรามีไอเดียว่าควรจะมี แต่อย่างไรก็ต้องไปทูลถามท่าน
ส่วนเรื่องเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ มีคนบอกว่าสนับสนุนเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์แต่ต้องไม่มีกาสิโน “ตนถามว่าใครจะลงทุน ชิโนไทยลงทุนไหม ไม่น่าจะลงทุนนะ” เพราะฉะนั้นวันนี้เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หมายถึงจุดศูนย์รวมการท่องเที่ยวทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมีสกีสโลปไม่ต้องไปสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เล่นสกีในห้องแอร์ แบบนี้คนไทยก็ร้องโอ้โห เพราะไม่เคยเห็นหิมะก็ขอมาดูหน่อยมันก็เป็นอะไรที่เป็นประโยชน์แน่นอน ถ้าเก็บแพงก็ไม่มีคนเข้า ก็เก็บราคาถูกแล้วไปอาศัยกำไรกับกาสิโน ซึ่งกาสิโนไม่ใช่ใครที่ไหนก็เดินเข้าได้ เพราะมีระบบที่เรียกว่า Know your customer หรือ KYC ใครที่เป็นลูกค้าแต่ไม่มีแหล่งที่มาของรายได้ เขาก็ไม่ให้เข้า อย่างตนเข้าไปเขาก็ไม่ให้เข้าเพราะเป็นนักการเมืองเข้าไม่ได้ ตนไปที่สิงคโปร์เขาก็ไม่ให้ตนเข้า และบอกว่าเป็นนักการเมืองที่เป็นที่รู้จักจึงไม่สามารถเข้าได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะมาว่ามอมเมา ยังไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาพูด ผู้ที่รู้น้อยพูดมากนี่มันน่ารำคาญ วันนี้สิ่งเหล่านี้ก็เดินหน้าต่อไป
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากเห็นรัฐบาลนี้ทำก็คือ Innovation sandbox เรามีหมอเก่งเยอะแต่การวิจัย และพัฒนา หรือ R&D เราอ่อนในทุกๆ มิติ เรามีเงินแต่ใช้เงินผิดประเภท ไม่รู้ไป R&D เรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ วันนี้นวัตกรรมตนอยากหาที่ทำ Sandbox ที่ผ่านกฎหมายระเบียบปัจจุบันเพื่อมาทดลอง เช่น gene therapy เป็นเรื่องที่มาแรง อย่างในตะวันออกกลาง กังวลว่าเวลาแต่งงานกันจะมีปัญหาเรื่องของยีนส์ จึงอยากจะไปดึงดีเอ็นเอส่วนที่ไม่แข็งแรงและไม่ปกติออก เพราะสามารถทำได้ พร้อมยกตัวอย่าง นายอีลอน มัสก์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่ไปเลือกคนที่เก่งและหัวดีมาทำลูกเยอะมาก ซึ่งทุกวันนี้โลกเริ่มเป็นอย่างนี้แล้ว ฉะนั้นการรักษาหรือการพัฒนาคนด้วยยีนส์เกิดขึ้นแล้ว ถามว่ายากหรือไม่ ไม่ยากแต่ต้องทดลอง หมอเราเก่งไหมเก่ง เพราะฉะนั้นเราต้องเปิด Innovation sandbox
อีกทั้ง เรื่องของ Stem cells ซึ่งมีสองส่วนจึงเป็นเรื่องที่ควรทดลองได้แล้วไม่งั้นไม่ทันเขา เพราะวันนี้ Stem cells คนไทยลองไปเยอะแล้ว เหมือนถ้าถามว่าคนไทยมีบ่อนหรือไม่ บอกว่าไม่มี ทั้งที่มีเต็มเมือง วันนี้เราต้องยอมรับความจริงเอาความจริงขึ้นมาบนโต๊ะ จะได้ควบคุมได้ถูกต้อง
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า อีกไม่นานภายใน 2-3 เดือน เราจะมีการทำแซนด์บ็อกซ์ทั่วประเทศ เพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือเรื่อง E-money ก็จะทำให้ไทยมีคริปโตดังๆ ของโลกสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศไทยได้ อย่างสายการบิน Emirates วันนี้ประกาศขายตั๋วด้วย Bitcoins ซึ่งคนที่ถือเงินดังกล่าวคือคนรวยทั้งหมดจากจนก็รวยเพราะราคาขึ้นมาดีเหลือเกิน ฉะนั้นวันนี้ต้นทุนพวกนี้ต่ำจนมีความรู้สึกอยากใช้เงิน หากสกุลเงินแบบนี้เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าก็จะมีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งสมมุติว่า หากนำบิทคอยน์ 500,000 บาทไปซื้อของในห้างเซ็นทรัล ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันทีเพราะมีระบบ network จึงไม่มีความเสี่ยง ซึ่งคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในปีนี้
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ทั่วโลก มีการพูดเรื่อง Golden visa คือให้วีซ่ากับคนต่างชาติในระยะยาว 10 ปี แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการฝากเงินและลงทุน พอครบห้าปีแล้วเช็กประวัติดูไม่เคยก่ออาชญากรรมมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องก็มีสิทธิที่จะขอเป็นประชาชนคนไทย และพอได้ Golden visa ก็ให้สิทธิ์ซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการก่อสร้างเติบโต ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้เกือบเท่ากับ GDP ของประเทศ ฉะนั้นหากเราได้เงินมาแบบนี้ก็จะเอาไปเป็นสวัสดิการของประชาชน อันจะส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้น และหนี้ประเทศลดลง การจับจ่ายใช้สอยก็จะมีเงินใหม่เข้ามา ซึ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย เพราะเราต้องการเพิ่มคนเสียภาษี เนื่องจากปัจจุบันมีคนเสียภาษีแค่ 4 ล้านกว่าคน จากประชากรกว่า 70 ล้านคน นอกนั้นรัฐบาลเก็บจากภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นหากเรามีชาวต่างชาติที่มีฐานะเข้ามาในประเทศก็จะมาช่วยเสียภาษีให้ประเทศไทย ขณะเดียวกันชาวต่างชาติเขาก็อยากมี Golden Visa เพราะประเทศไทยมีการบริการที่ดี
ดังนั้น วันนี้รัฐบาลต้องจริงจังว่าจะกำหนดกรอบอย่างไร และจะเก็บเงินอย่างไร นี่คือสิ่งที่จะทำให้เงินสะพัด ประเทศไทยวันนี้ไม่มีระบบเจ้าภาพ ฉะนั้นเราต้องสร้างระบบเจ้าภาพแล้วต้องทำให้เป็นดิจิทัล หรือ Digitalize ระบบราชการเพื่อให้เกิดการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ของกระทรวง แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับกระทรวงแรงงานที่ผ่านมา ที่ลงทะเบียนระบบแรงงานต่างด้าวดีมาก แต่คลิกไม่ได้เสียทีต้องจ่าย 2,500 บาทก่อน ถ้าใต้โต๊ะไม่มาคลิกไม่ได้ อันนี้ไม่ดี และหากระบบดี แต่พฤติกรรมไม่ดี ก็ต้องแก้ไขพฤติกรรมด้วย












