POLITICS

‘ธนกร’ ย้ำ ไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย รอบสองควรให้พรรคอันดับ 2 เสนอชื่อนายกฯ

‘ธนกร’ ย้ำ ไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย รอบสองควรให้พรรคอันดับ 2 เสนอชื่อนายกฯ โหวตใหม่ก็ไม่ผ่าน เพราะ ส.ว.รู้วิสัยทัศน์ เลิกอ้าง 14 ล้านเสียง ถ้าไม่ถอยอีกฝั่งก็ไม่ถอยเช่นกัน โต้ ‘ภูมิธรรม’ ไม่มีแจกกล้วย ดูด ส.ส. เชื่อเป็นการพูดเพื่อดิสเครดิต

วันนี้ (17 ก.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะไปโหวตแข่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่า ไม่ได้ยิน ยืนยันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า “ไม่เสนอ” ดังนั้นในประเด็นนี้ไม่น่าจะมีอะไร และล่าสุดก็ไม่ได้มีการคุยกันว่าจะเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง ส่วนทิศทางการโหวต นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง นายธนกร กล่าวว่ายืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเสนอชื่อนายกฯรัฐมนตรีควรเสนอครั้งเดียว เพราะข้อเท็จจริงทุกพรรคการเมือง รวมถึง ส.ว. ทราบวิสัยทัศน์ของนายพิธาอยู่แล้ว ลงคะแนนครั้งแรกไม่ผ่าน และคะแนนห่างกันเยอะมาก ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้อันดับ 2 และอันดับ 3 ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นจะเสนอไปเรื่อยๆ ทำให้เสียเวลาสภา ส่วนที่ ส.ว. มองว่าโหวตนายพิธา เป็นญัตติซ้ำ เป็นเรื่องข้อกฎหมายจะต้องไปดู

ส่วนถ้าจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีพรรคอันดับ 2 ควรจะยกเลิกเอ็มโอยู หรือร่วมกับพรรคก้าวไกลในการจับมือจัดตั้งรัฐบาลต่อ นายธนากรกล่าวว่าไม่อยากไปก้าวล่วง แต่วันนี้เรารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล หรือพรรคที่จะเป็นฝ่ายค้าน รู้ข้อมูลอยู่แล้วหากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ส.ว.ก็ไม่โหวตให้อยู่แล้ว จะมาอ้างเรื่อง 14 ล้านเสียง ควรจะเลิกอ้างได้แล้ว วันนี้คนไทยกว่า 70 ล้านคน และเชื่อว่า ใน 14 ล้านเสียง ที่เลือกพรคก้าวไกล มีเป็นล้านเสียง ที่ไม่อยากให้แก้มาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็รู้อยู่แล้วว่า เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะอะไร เมื่อไม่ถอย ฝั่งอื่นก็คงไม่ถอยเช่นกัน

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่าจะต้องพูดคุยกันในพรรค ตนเองมองว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนเงื่อนไข หลายพรรคพูดจากันได้มากขึ้น ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเก่าก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะก่อนและหลังประชุม ครม. มีการพูดคุยติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด

ส่วนช่วงเวลาใดที่เหมาะสมที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมควรจะเสนอนายกรัฐมนตรีแข่งนั้น มองว่าถ้าพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 ไม่ได้ ต้องเป็นพรรคอันดับ 3 ถือเป็นความชอบธรรม ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งส่วนตัวมองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้

และเมื่อถามย้ำว่าถ้าวันที่ 19 ก.ค นี้โหวตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ รอบที่ 3 ถึงเวลาที่จะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายธนากรกล่าวว่า ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เพราะรู้อยู่แล้ว เราอย่าหลอกตัวเองดีกว่า วันนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการเมืองจะเดินไปในทิศทางใด การเดินเกมในลัษณะ 2 ขา ฝั่งหนึ่งไปขอเสียงของ ส.ว. อีกฝั่งหนึ่งมีมวลชนไปบูลลี่ ล่าแม่มด หรือปลุกม็อบลงถนนคิดว่าไม่ควร เราน่าจะเข้าใจระบบการเมือง ถ้าไม่ได้ก็เป็นฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านดี ในการตรวจสอบรัฐบาล คิดว่าถ้าเป็นฝ่ายค้านรอบหน้า พรรคพรคก้าวไกลอาจจะได้ ส.ส. มากกว่าเดิม ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ก็ควรปล่อยให้การเมืองเดินหน้าต่อไป อย่าไปปลุกกระแสมวลชนลงถนน วันนี้ บ้านเมืองมีความสงบ หลายอย่างกำลังดีขึ้น ในสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้วางรากฐานไว้ ควรปล่อยให้พูดจากัน รักษาประเทศไว้ดีกว่า

เมื่อถามว่าการล่าแม่มด จะทำให้ ส.ว.หวาดกลัว และมาโหวตให้หรือไม่ มองว่าการกระทำแบบนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้กลัว อีกทั้งกฎหมายแรง ที่ผ่านมา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้ติดคุกมาหลายคนแล้ว วันนี้มีการไปฟ้องร้องและขอโทษทีหลังจำนวนมาก คิดว่าไม่ควรทำแล้ว เพราะเวลาถูกดำเนินคดีไม่มีใครช่วย ไม่ว่าใคร ทั้งฝ่ายตนก็ไม่อยากให้มีมวลชนไปเคลื่อนไหวในโซเชียล เป็นคนไทยด้วยกันควรพูดจากัน การเมืองก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีไม่อยากให้ใช้เวลานาน ภาคเอกชนก็อยากให้มีรัฐบาลโดยเร็ว

นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยถูกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม พยายามไปแจกกล้วยว่าไม่มี ลูกไม้เดิมๆ มันไม่มีหรอก และคิดว่าไม่มีใครทำแบบนี้แล้ว เพราะการจะดึงเสียง ส.ส. 60-70 เสียง ไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องแบบนี้ไม่มีและไม่ควรมี เชื่อว่า ไม่มีเป็นการพูดเพื่อดิสเครดิตมากกว่า ตรงนี้ไม่ควร

ส่วนการคุยกัน 8 พรรคร่วมรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนตัวผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า เป็นไปตามกลไกของสภา สามารถเสนอได้ แต่ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ เป็นเงื่อนไขพิเศษที่ผ่านยาก เพราะเขาต้องการแก้มาตรา 112 นายธนกร ย้ำคำเดิมว่าต้องปรับ ตนมองว่านายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เหมือนที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พูดว่า นายพิธา มีความรู้ความสามารถ พูดจาดี แต่ไม่ทราบว่ากลไกของพรรคปกคลุมด้วยอะไรเท่านั้นเอง

ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทุกพรรคจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว นายธนกรกล่าวว่า เป็นไปได้หมด เพราะรู้อยู่แล้วว่าเงื่อนไขอยู่ตรงไหน คิดว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะจบ วันนี้ต้องใช้เวลา แต่ไม่ควรใช้นานเกินไป เพราะประชาชนรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่อยู่ และเชื่อว่า ประชาชนเข้าใจ แต่ถ้านักการเมืองพยายามชี้แจงให้ เข้าใจก็จะเข้าใจ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะทุกคนรู้ว่า สถานการณ์ทางการเมืองไปในทิศทางใดแต่ระบบกลไกที่ใช้ โซเชียลมีเดีย หรือ AI ที่ไปสร้างความเกลียดชังในสังคม ไม่ควรทำ ในเมื่อ พรรคอันดับ 1-2 ไม่ได้ ก็ควรเป็นพรรคอันดับ 3 เท่านั้นเอง ไม่ใช่ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะเป็นจะตาย พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านตนก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เห็นเป็นอะไร วันนี้ เป็นรัฐบาลรักษาการ พรุ่งนี้ไม่ได้เป็นก็เป็นเรื่องปกติ ชีวิตสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศได้อย่าไปยึดติบกับมันมาก

อย่างไรก็ตาม นายธนากร ยังบอกด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็สามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถเป็นได้ แต่บอกแล้วว่าจะไม่ลงชิงตำแหน่ง

Related Posts

Send this to a friend