‘ศิธา’ ชี้พรรคการเมืองต้องสื่อสารตรงไปตรงมา ไม่ใช่เพียงเรียกคะแนนนิยม
ย้ำประชาชนตำหนินักการเมืองได้ มองเป็นการรับผิดชอบต่อสิ่งที่สื่อสารออกไป
น.ต.ศิธา ทิวารี ร่วมกับ ชุติพงศ์ พิภพพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล และ วทันยา บุนนาค สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสวนาวิชาการ “การเดินทางของประชาธิปไตย” ในโครงการศึกษาวิชาการด้านการเมือง การบริหารและกฎหมาย ซึ่งจัดโดยคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพูดถึงภาพฝันการเมืองไทย และการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างก้าวหน้า-มั่นคง
น.ต.ศิธา กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นักการเมืองต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา และต้องแก้ปัญหาเรื่องระบบอุปถัมภ์ของการเมืองไทย การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่การสื่อสารที่เป็นเพียงเทคนิคเรียกคะแนนนิยม เนื่องจากการบริหารประเทศต้องใช้ภาษีประชาชน ไม่สามารถบริหารตามใจได้
น.ต.ศิธา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันนักการเมืองมีความเอนอ่อนต่อกลุ่มทุนใหญ่ เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน รับประโยชน์จากกลุ่มทุนเป็นการตอบแทน นอกจากนี้ยังมองว่า การวางตำแหน่งทางการเมืองให้กับนักการเมืองนั่งในกระทรวงต่าง ๆ ยังไม่ตอบโจทย์กับการพัฒนาประเทศ
น.ต.ศิธา ระบุว่า ประชาชนจำเป็นต้องเข้าใจว่าตนสามารถตำหนินักการเมืองได้ เพื่อให้นักการเมืองตระหนักว่าสื่อสารอย่างไรแล้วจำเป็นต้องรับผิดชอบการสื่อสาร นักการเมืองยังต้องทำตามข้อเรียกร้องของประชาชน ไม่สำคัญว่าจะเป็นพรรคหรือนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ซ้ายหรือขวา
เมื่อถามว่าประชาธิปไตยไทยเดินหน้าหรือถอยหลัง น.ต.ศิธา ชี้ว่า ไทยเป็นประชาธิปไตยแบบ ‘ไทย ๆ’ มีความซ้ายจัดและขวาจัด ทำให้ประชาชนเลือกฝั่ง แตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่ความนิยมพรรคการเมืองไหลไปมาตามความโดดเด่น มองว่าพรรคการเมืองไทยแสดงออกสุดโต่งมากไป จึงเป็นปัญหาตามมายังประชาชนที่เห็นด้วยกับทิศทางของพรรคบางอย่าง เช่น ขับไล่ผู้เห็นต่างออกนอกประเทศ หากไม่จัดการให้พอเหมาะอาจเกิดความขัดแย้งทางการเมืองได้ อีกทั้งปัญหาอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างผู้อายุน้อยกับผู้ที่มีอายุมาก อาจทำให้ยืนอยู่คนละฝั่งความคิด นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองเช่นกัน












