POLITICS

นายกฯ ยันโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่แย่งธุรกิจเพื่อนบ้าน

นายกฯ ยันโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่แย่งธุรกิจเพื่อนบ้าน เหตุ ช่องแคบมะละกาแออัดทำให้การขนส่งล่าช้า

เมื่อเวลา 14.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) วันที่ 16 ธันวาคม 2566 ที่บริเวณหน้าลานพระราชวังอิมพีเรียล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 500 รายในงานสัมมนาของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จากนี้ บีโอไอ และกระทรวงคมนาคม จะต้องติดตามเรื่องดังกล่าวกับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และในเรื่องนี้บริษัทในอาเซียนเอง เช่น จากประเทศอินโดนีเซียก็ให้ความสนใจ ซึ่งก่อนเดินทางมาญี่ปุ่นก็มีเอกชนกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มาพบตนเอง โดยแสดงความสนใจอย่างมากที่จะร่วมลงทุนด้วย ซึ่งก็ต้องมาพูดคุยกัน เพราะผลประโยชน์ของภูมิภาคนี้ ขึ้นอยู่กับโครงการแลนด์บริดจ์ด้วยเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการพูดคุยกับนักลงทุนญี่ปุ่นเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2566 นี้ เราจะนำเสนออะไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราจะบอกถึงความตั้งใจในการดำเนินโครงการ เพราะปริมาณสินค้าที่ขนถ่ายผ่านช่องแคบมะละกา เช่น น้ำมัน ที่ทั่วโลกใช้ช่องทางดังกล่าวในการขนส่งถึง 60% ซึ่งช่องแคบมะละกามีความแน่น อาจเกิดอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และทำให้มีความล่าช้าในการขนส่ง ต้นทุนก็อาจสูงขึ้น ฉะนั้นการที่เราสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การไปแย่งธุรกิจ เพราะกว่าโครงการฯ จะเสร็จใช้เวลาประมาณ 10 ปี ปริมาณการค้าทางทะเลทั่วโลกก็จะสูงขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อนบ้านเราทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ตรงนี้จะหายไป เพราะผลสำรวจเบื้องต้นการค้าขายทางเรือจะสูงขึ้น แต่หากไม่มีจะเป็นปัญหา และช่องแคบมะละกาในปัจจุบันมีความหนาแน่น หากเราสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ได้จะช่วยการขนส่งของทั้งโลก

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat