‘ทนายณัฐ’ ส่ง 3 คำร้องให้แกนนำเพื่อไทย ให้ สส.เข้าชื่อถอนถอน ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ ออกจากตำแหน่ง
‘ทนายณัฐ’ ส่ง 3 คำร้องให้แกนนำเพื่อไทย ให้ สส.เข้าชื่อถอนถอน ‘อนุทิน-ณัฐพงษ์’ ออกจากตำแหน่ง พร้อมเอาผิด 212 สส. ภท. – ปชน. ชี้ เป็นมติพรรค ต้องรวมทุกคน ย้อนถาม ’สิริพงศ์‘ จบกฎหมายหรือไม่ มอง ลงชื่อ นิติกรรม 2 ฝ่ายมีผลผูกพัน เข้าข่ายครอบงำ
วันนี้ (16 ก.ย. 68) นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน มอบคำร้องฉบับแก้ไขในการร้องต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เกี่ยวกับข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย หรือ MOA หลังจากที่พรรคเพื่อไทยถอนร่างคำร้องจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยเป็นผู้รับ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คำร้องฉบับใหม่ ได้เพิ่มผู้ถูกร้อง จากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นการร้องเอาผิดต่อ สส. 212 คน ของพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยด้วย และคำร้องฉบับใหม่ให้กับแกนนำพรรคเพื่อไทยเพื่อเข้าที่ประชุมฯ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง 3 คำร้อง ได้แก่
1.คำร้องส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160(4)(5) โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตาม รธน. มาตรา 82 วรรคสอง ปมตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีฮั้ว สว.สีน้ำเงิน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
2.คำร้องส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับ 212 ได้แก่ สส.พรรคประชาชน จำนวน 143 คน พรรคภูมิใจไทย จำนวน 69 คน ปมข้อตกลง MOA ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
และ3. คำร้องขอให้อัยการสูงสุดวินิจฉัยสั่งให้เลิกการกระทำการใช้สิทธิล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ปมข้อตกลง MOA ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2568 เพื่อเป็นสารตั้งต้นนำไปสู่การยุบพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย
ส่วนกรณีที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุว่า MOA ไม่มีผลทางกฎหมาย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ใครเป็นคนพูด นายสิริพงศ์ จบกฎหมายหรือไม่ ถ้าจบกฎหมายก็ต้องรู้ว่านิติกรรม 2 ฝ่าย มีผลผูกพันหากมีการลงชื่อ ก็มีผลก็ถือว่ามีผล เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ห้ามการครอบงำหรืออยู่ภายใต้อาณัติใดๆ ไม่สามารถกระทำได้ และหากว่ากันด้วยผลประโยชน์ส่วนตน ตามมาตรา 185 ห้ามสส.กระทำการลักษณะนี้ ซึ่งมีผลต่อการพ้นสมาชิกภาพ ตามมาตรา 101 (7)
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะเอาผิดได้ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเองเชื่อมั่นว่าหากพรรคเพื่อไทย และ สส. ใช้ช่องทางตามมาตรา 82 วรรค 1 สามารถยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยเฉพาะมาตรา 82 วรรค 2 นอกจากยื่นได้แล้วยังขอคำสั่งให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนศาลพิพากษา ก็สามารถกระทำได้ ซึ่งศรนั้นก็ยังกลับมาที่ตนเอง เหมือนกรณีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เราพูดกันตามเนื้อหา และพยานหลักฐาน เราไม่มีอะไรกับเขา พูดกันตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ปรากฏอย่างชัดแจ้ง












