POLITICS

‘เพื่อไทย’ เดินหน้าแก้ รธน. 60 ทุกทาง ชี้ แก้ ม.256 ต้องมี สสร.จากประชาชน

วันนี้ (16 มิ.ย. 64) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย จัดเสวนาในหัวข้อ “แก้รัฐธรรมนูญ แก้วิกฤตประเทศ?” โดย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง 5 เหตุผลที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกอบด้วย

1. ที่มาของรัฐธรรมนูญ มาจากคณะรัฐประหาร ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม แม้จะมีการทำประชามติ แต่เป็นการจัดทำภายใต้เงาของคณะรัฐประหาร ผู้มีความเห็นต่างในการรณรงค์ไม่รับร่าง ถูกจับติดคุก ถูกปรับทัศนคติ จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริงจึงควรแก้ไขให้ถูกต้อง โดยประชาชนควรได้มีสิทธิและมีส่วนร่วมในการแก้ไข

2. ระบบการเลือกตั้ง เป็นระบบบัตรใบเดียว โดยใช้วิธีคำนวณแบบปัดเศษจนเกิดปัญหามากมาย เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย ดังนั้นหากแก้ไขกลับไปเป็นบัตรเลือกตั้งสองใบ คือเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ให้อำนาจประชาชนสูงสุดในการตัดสินใจเลือกใครเป็นผู้แทนราษฎร และเลือกพรรคใดมาเป็นรัฐบาล

3. สืบทอดอำนาจ ผ่านตัวแทนคณะรัฐประหารที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว. มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี และพิจารณากฎหมายสำคัญที่กลายเป็นอุปสรรค คือกฏหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่บังคับให้ทุกคนเดินตาม

4. สิทธิเสรีภาพของประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้สิทธิเสรีภาพอย่างมีเงื่อนไข และไม่ชัดเจน โดยอ้างว่าให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้ตรงไปตรงมา จึงเห็นว่ามีคนถูกกฎหมายละเมิดสิทธิต่างๆ มากมาย

5. รัฐธรรมนูญแก้ไขยาก ต้องใช้เสียง ส.ว. ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาเป็นตัวตั้ง แต่ ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร จึงแน่นอนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่สำเร็จได้โดยง่ายหาก ส.ว.ไม่เห็นชอบ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น วิธีง่ายสุดคือ ตั้ง สสร. มีที่มาประชาชน ประชาชนเป็นคนจัดทำร่าง ประชาชนให้ความเห็นขอบ และมีประชาชนยอมรับในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงเป็นรัฐธรรมนูญประชาชนอย่างแท้จริง

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือเป็นวิกฤตของชาติ สร้างปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติ พร้อมย้ำว่าตราบใดที่ประเทศยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ เราจะได้รัฐบาลแบบนี้ และได้ความรับผิดชอบของผู้นำรัฐบาลเพียงเท่านี้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการรัฐประหาร โดยมีการตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และมีบทบัญญัติมากมายหลายประการที่ผิดเพี้ยนไปจากครรลองประชาธิปไตย เช่น ในอดีตการเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กลับแก้ไขให้เลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. และยังไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมทั้งแก้ไขจากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็นใบเดียว โดยมีเจตนาเพื่อลดทอนจำนวน ส.ส.พรรคการเมืองขนาดใหญ่ นำระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้ในการคิดคำนวนจำนวน ส.ส. คะแนนน้อยไม่ถึงเกณฑ์ มีการคิดค้นสูตรเพื่อให้ มี ส.ส.ปัดเศษเข้าสู่สภา ระบบนี้จึงมีเจตนาเพียงทำให้พรรคใหญ่ มี ส.ส.ลดลง พรรคใหญ่มีปัญหาอยู่ได้โดยพรรคเล็กสนับสนุน จึงทำให้เกิดกรณี ส.ส.แจกกล้วย เป็นต้น

ส่วนปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จากบทเฉพาะกาล โดยมาตรา 269 ให้มีกรรมการสรรหา ส.ว.ต้องมาจากผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นกลางทางการเมืองสรรหา ส.ว.ให้ได้ 250 คน ซึ่งบุคคลนั้น คือ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ทำให้ประเทศไทยได้ ส.ว.ที่มาจาก อดีต คสช. อดีตนายทหาร เมื่อเลือกนายกรัฐมนตรี 99.99% เลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.ตามบทเฉพาะกาลนี้มีอายุ 5 ปี ทำให้ ส.ว.ชุดนี้เลือกได้นายกรัฐมนตรีได้ 2 ครั้ง เมื่อพลเอกประยุทธ์ถาม ส.ว.ในที่ประชุมวุฒิสภาว่า “มีใครไม่เชื่อมั่นนายกฯ ให้ยกมือ” ซึ่งไม่มีใครยกมือแม้แต่คนเดียว นอกจากจะทำตัวเป็นครู เป็นหัวหน้า ยังทำผิดข้อบังคับชัดเจนในการประชุมสภาอีกด้วย

นายชูศักดิ์ ยืนยันว่า แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแก้ไขยาก และมีความมุ่งหวังต้องการให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับอมตะ แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะเดินหน้าทุกกระบวนการ แม้จะต้องพบเจอกับอุปสรรคตั้งแต่การพิจารณาเพื่อเข้าสู่วาระที่ 1 ซึ่งจะต้องมีเสียงวุฒิสภาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ ส.ว.อย่างน้อย 84 คน เห็นชอบในร่าง รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ซึ่ง ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ย่อมไม่มีทางให้ผ่านวาระนี้ไปได้ ต่อมาจึงได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งที่แก้ไขได้ยากกว่า แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันในหลักการและนโยบายมาตลอดว่าเราจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชน เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ซึ่งได้ผ่านวาระ 2 แล้ว และกำลังจะลงมติในวาระ 3 ศาลรัฐธรรมนูญกลับมีคำวินิจฉัยว่าจะต้องถามประชาชนก่อนว่าจะยินยอมให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งได้เกิดการตีความที่หลากหลายออกไป ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยมี สสร. ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะต้องทำทุกทาง ทั้งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับด้วย

สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือเกมการชิงจังหวะและโอกาส ในวันนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว วันนี้กำลังจะเริ่มต้นใหม่ มีเกมที่เต็มไปด้วยการสับขาหลอก จึงขอเรียกร้องพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องทันเกม เพราะเมื่อย้อนไปดูสองเดือนที่แล้วที่ร่างตก เราต้องมีบทเรียนว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงยื่นแก้ไขร่างก่อนทั้งที่ฝ่ายค้านอยากแก้มาโดยตลอด ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายบนหลักการ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อกำจัดจุดอ่อนทางการเมือง เพื่อให้พี่น้องได้ประโยชน์ถึงปากท้อง และทำในสิ่งที่เป็นไปได้

จากบทเรียนการผลักดันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมามองว่า ประเด็นการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นเกมสับขาหลอกของรัฐบาล นอกจากทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านทะเลาะกันแล้ว พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลยังระส่ำระสายด้วย สุดท้ายเมื่อเข้าสภา กลายเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลมีเหตุผล สร้างความชอบธรรมให้คว่ำทิ้ง เพราะอ้างว่าไม่มีฝ่ายใดสนับสนุน สรุปไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ ใช้ระบบบัตรใบเดียวแบบเดิม พร้อมย้ำว่า มาตราที่จะต่ออำนาจให้ พลเอกประยุทธ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องระบบเลือกตั้ง แต่คือ มาตรา 272 เรื่องอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมาต่ออำนาจให้ พลเอกประยุทธ์ ซึ่งทั้งหมดคือเป็นการสืบทอดอำนาจที่แท้จริง จุดนี้เราต้องล้มให้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน

โดยนายสุทิน กล่าวด้วยว่า “ขอขีดเส้นใต้สามเส้นเลยว่าเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบนั้น เราตกผลึกมานานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พปชร.ต่างหากที่ทำเหมือนเรา ฉกเอาของเราไปยื่นก่อน ทำไมเราต้องทิ้งของดีของเรา จึงต้องขอความเป็นธรรมด้วย เรายื่นตามจุดยืนเดิม”

Related Posts

Send this to a friend