POLITICS

‘ก้าวไกล’ เตรียมดัน ‘ศิริกัญญา’ ขึ้นหัวหน้าพรรค

นั่งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านชั่วคราว รอ ‘พิธา’ กลับมาเป็น สส. ขับ ‘ปดิพัทธ์’ ไปสังกัดพรรคอื่น เพราะได้ตำแหน่งมาถูกต้อง มีฟีดแบคที่ดี และไม่อยากเสียอะไรไปอีกแล้ว

เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 15 กันยายน 2566 เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล และอดีตหัวหน้าพรรค ที่มีเสียง สส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้พรรคมีตำแหน่ง ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ เปลี่ยนเอา สส.ในปัจจุบันของพรรคขึ้นมาแทน เพราะนายพิธา เจอวิบากกรรมทางการเมือง กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็น สส. จากการถือหุ้นสื่อ iTV จำนวน 45,000 หุ้น ทำให้ถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส.ชั่วคราว จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัย ชวดทั้งเก้าอี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ และเก้าอี้ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ในคราวเดียวกัน

รายงานข่าว ระบุว่า การลาออกครั้งนี้เกิดจากการ ‘แสวงหาทางออกร่วมกัน’ ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เหตุเพราะชนะเลือกตั้งและเคยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมาก่อน ทำให้พรรคส่งคนของตัวเองไปนั่งจองเก้าอี้ ‘รองประธานสภาฯ’ ไว้แล้ว แต่เมื่อไปไม่ถึงฝันเก้าอี้นายกฯ ถูกผลักมาเป็นฝ่ายค้าน ทำให้ติดเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ระบุให้ “หัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมากในฝ่ายค้าน และเป็น สส.” โดย “ต้องไม่มี สส.ของพรรคเป็นรัฐมนตรี ประธานสภา หรือรองประธานสภาฯ” เท่านั้นที่จะเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” ได้

จึงทำให้พรรคต้องเลือก จะเอาตำแหน่งอะไร – รองประธานเพื่อโชว์ฝีมือการบริหาร, หรือผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์แบบ กำหนดทิศทางตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลอย่างสมศักดิ์ศรี

รายงานข่าว ระบุว่า พรรคก้าวไกล วางตัว ‘ส.ส.หญิง’ ที่มีบทบาทสำคัญในพรรค มาเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” แบบชั่วคราวไปก่อน นั่นคือ “น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล” รักษาการรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อรอศาลฯ วินิจฉัยคุณสมบัติ ‘นายพิธา’ ให้แล้วเสร็จว่าจะได้กลับเข้าสภาฯ เป็น สส.อีกหรือไม่ หากเป็นทิศทางบวก นายพิธาได้กลับมา ก็พร้อมลาออกหัวหน้าพรรค เพื่อเลือกนายพิธา กลับมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน

เหตุที่เลือก ‘ศิริกัญญา’ มารั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ เพราะมีความเหมาะสม เป็นหัวหอกของฝ่ายข้อมูล มีส่วนสำคัญในการเจรจาของพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ขยับจากรอง มาเป็นหัวหน้า ก็ไม่ทำให้เนื้องานเปลี่ยนไปมาก ส่วนบางกระแสบอกว่าอาจเสนอชื่อ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ กุนซือของพรรคมา ก็ต้องหาคนมานั่งเลขาธิการพรรคแทนอีก ซึ่งชัยธวัช ก็ทำได้ดีในตำแหน่งเลขาฯ พรรค อยู่แล้ว

ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ นั้น พรรคก้าวไกลเตรียมให้ กก.บห.ชุดใหม่ พูดคุยกับ ‘นายปดิพัทธ์ สันติภาดา’ ทันทีว่าพรรคจะเห็นว่าควรมีทางออกอย่างไร ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจมีการขับออกจากพรรค เพราะการที่พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ก็ได้มาโดยชอบธรรม ชนะการเลือกตั้ง ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนี้ และตลอดช่วงที่ผ่านมาการทำงานของ ‘หมออ๋อง-ปดิพัทธ์’ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี การถูกขับออกไม่ใช่การตระบัดสัตย์ ไม่ได้โกหกใคร เพียงเพราะต้องทำด้วยเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ

ซึ่งมีแนวโน้มว่า ‘ปดิพัทธ์’ อาจย้ายไปสังกัด ‘พรรคเป็นธรรม’ ที่เหมือนเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนรัก ของพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ หากพรรคเป็นธรรมสามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ หรืออีกทาง ‘ปดิพัทธ์’ อาจย้ายไปอยู่พรรคที่ไม่มีใครรู้จัก เพื่อคงสถานะ สส. และรองประธานสภาฯ ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่แท้จริง เป็น สส.เพียงคนเดียวของพรรคนั้นในสภาฯ

แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันอย่าง 100% และน่าจะเห็นความชัดเจนหลังวันที่ 23 กันยายน ที่พรรคก้าวไกลจะได้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่าจะจัดวาง ‘ปดิพัทธ์’ ไว้ตรงไหน แต่ที่แน่นอนคือ “ไม่ลาออกจากรองประธานสภาฯ”

สถานการณ์ทั้งหมด จะทำให้พรรคก้าวไกล มีทั้งตำแหน่ง ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ และ ‘รองประธานสภาฯ คนที่ 1’ อยู่ในมือ เพราะพรรคอยู่ในสถานการณ์ที่ “ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว” หรือ “เสียมาหมดแล้ว จนไม่รู้ต้องเสียไปอีกทำไม” เช่นกัน

Related Posts

Send this to a friend