POLITICS

‘สนธิญา’ เตือน ‘เอก-ป๊อก-ช่อ’ หาเสียง ระวังถูกร้องแบบ ‘ณัฐวุฒิ’

‘สนธิญา’ เตือน ‘เอก-ป๊อก-ช่อ’ หาเสียง ระวังถูกร้องแบบ ‘ณัฐวุฒิ’ ยันร้องเอง ไม่มีใครบอก ป้อง ‘ไตรรงค์’ ปราศรัยพาดพิงสถาบันฯ เป็นการยกคำสอนมาด้วยความประสงค์ดี

วันนี้ (7 มี.ค. 66) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ตอบคำถามสื่อมวลชน ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สนง.กกต.) ระหว่างยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำร้องดังกล่าวจะถูกมองว่าเป็นการโจมตีทางการเมืองหรือไม่ หลังจากที่นายสนธิญาสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติในกิจกรรมปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา นายสนธิญา ตอบว่า ส่วนตัวดำเนินการร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2560 และที่ผ่านมาได้สังกัดพรรคการเมืองมาหลายพรรค แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองที่สังกัด หรือพรรคการเมืองอื่นพรรคการเมืองใดก็ตาม ถ้ากระทำการที่ผิด ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ หรือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แล้ว ทุกพรรคมีโอกาสถูกยุบได้ และขณะนี้ กกต. ก็มีกฎหมายใหม่ที่น่ากลัว การรณรงค์เลือกตั้งขณะนี้ ประชาชนจะพบว่ามีนักการเมืองที่เริ่มจะมีปัญหากับการดำเนินการที่อยู่ยอกเหนือขอบเขตที่กระทำได้ และฝ่าฝืนหรือขัดต่อกฎหมาย

“ในเรื่องนี้ไม่มีใครเข้ามาบอกผม แต่ผมทำของผม และผมเห็นว่าการกระทำเหล่านั้น ขัดต่อกฎหมาย จึงต้องร้องเพื่อให้กฎหมายเป็นกฎหมาย”

นายสนธิญา ยังขยายความคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทยว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สามารถเป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยได้ แต่ประเด็นจริยธรรม คุณธรรมนั้น ทำให้เกิดประเด็นว่ามีความเหมาะสมจะทำหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารบนเวทีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะนายณัฐวุฒิเท่านั้น แต่กรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนางสาวพรรณิการ์ วานิช เองที่ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลนั้น ก็พึงระมัดระวัง และขณะเดียวกัน นายสนธิญา เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการหาช่องทางเพื่อยื่นเรื่องต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองสามารถดำเนินการภายใต้ขอบเขตของกฎหมายอย่างไรบ้าง

“ไม่ใช่เป็นการใส่ร้าย ร้องใครแต่อย่างใด แต่ผมตามพฤติกรรมมาโดยตลอด”

ส่วนกรณี ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นปราศรัยบนเวทีจังหวัดนครราชสีมา อาจเข้าข่ายเกี่ยวโยงสถาบันพระมหากษัตริย์กับการหาเสียงนั้น นายสนธิญา ตอบว่า ส่วนตัวอยู่ในเวทีปราศรัยวันนั้น และยืนหน้าเวที แต่ประเทศไทย พระบรมราโชวาทคือคำสอน เพราะฉะนั้น กรณีการนำคำสอนของสถาบันหนึ่งสถาบันใด อย่างสถาบันศาสนา ก็สามารถนำคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชหรือพระพุทธคุณองค์ใดองค์หนึ่งมาเพื่อเป็นคำสอนก็ได้ หรือกรณีพระบรมราโชวาทก็สามารถนำมาเผยแพร่ให้กับประชาชนพิจารณาได้

นายสนธิญา ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ดร.ไตรรงค์ ยกเอาคำสอนที่บอกว่า ถ้าประเทศไทยต้องการให้คนดีเข้าไปปกครองบ้านเมือง เพื่อไม่ให้คนไม่ดีปกครองบ้านเมือง การกระทำของ ดร.ไตรรงค์ จึงเป็นการกระทำที่ประสงค์ดี และนำคำสอนมาบอกประชาชนในประเทศไทย

Related Posts

Send this to a friend