POLITICS

‘นิวัติไชย’ วอน วุฒิสภา เร่งสรรหา ป.ป.ช. เพิ่ม ก่อนชุดเก่าหมดวาระ

ป.ป.ช. เลือก ‘สาโรจน์ พึงรำพรรณ’ เป็นเลขาธิการคนใหม่ อยู่ระหว่างรอโปรดเกล้าฯ ขณะ ‘นิวัติไชย’ วอน วุฒิสภา เร่งสรรหา ป.ป.ช. เพิ่ม ก่อนชุดเก่าหมดวาระ หวั่นกระทบพิจารณาคดีล่าช้า หากองค์ประชุมไม่ครบ

วันนี้ (15 ส.ค. 67) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คนใหม่ ว่า มีมติเห็นชอบให้นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คนใหม่ แทนตนเองที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน 2567

ซึ่งกระบวนการสรรหาเป็นไปตามกฎหมาย ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจาก ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการหรือ กพร. เข้ามาร่วมเป็นผู้แทน โดยมีผู้สมัคร 3 ท่านที่เป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล, นายสุรพงษ์ อินทรถาวร และ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ซึ่งผลปรากฏว่าลำดับคะแนนที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาสูงสุด คือนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ซึ่งประธาน ป.ป.ช. ก็จะหยิบยกชื่อ นายสาโรจน์ เสนอต่อที่ประชุม และที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์

นายนิวัติไชย ยังกล่าวถึง คุณสมบัติเด่นของนายสาโรจน์ ว่า จะเป็นลูกหม้อก็ไม่เชิง เพราะนายสาโรจน์ถูกโอนมาจากหน่วยงานอื่น แต่เมื่อท่านโอนมา ท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ในหลายด้าน โดยเฉพาะงานด้านการปราบปราม ในเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ท่านทำคดีใหญ่ๆ หลายคดี อาทิ คดีโรลส์-รอยซ์ คดี ปตท. ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และมีบุคลิก ความประพฤติ ความเหมาะสม ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ ความมีคุณธรรม และเป็นที่ยอมรับ เพราะคณะกรรมการสรรหาได้มีการสอบถามความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา, ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมปฎิบัติงาน ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันถึงคุณสมบัติของนายสาโรจน์ ซึ่งจากนี้จะมีการเสนอชื่อไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอโปรดเกล้าตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ต่อไป คาดว่าจะดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงความเชื่อมั่นหรือไม่ว่า นายสาโรจน์จะทำงานเก่งไม่แพ้กัน นายนิวัติไชย เชื่อว่า นายสาโรจน์จะทำงานได้ดีกว่าตนเองด้วยซ้ำไป ซึ่งในการทำงานนายสาโรจน์ได้ทราบหลักเกณฑ์การทำงาน และมาตรฐานต่างๆ และจะต้องดำเนินการต่อเนื่องจากสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งอะไรที่ไม่ถูกพัฒนาก็ต้องแก้ไข และปรับปรุงให้ดีขึ้น จึงต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะเราไม่ได้ยึดติดที่ตัวบุคคล เราคิดว่าไม่ใช่ตัวเลขาธิการฯ คนเดียว แต่เป็นความพร้อมของเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะต้องขับเคลื่อนงานของประเทศ รวมถึงต้องป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดเอาไว้ และเป็นภารกิจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามที่กฎหมาย ฉะนั้นทุกคนมีส่วนร่วม เลขาธิการเป็นเพียงกลไกส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่

นอกจากนี้ นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ในปีนี้จะมีคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะครบวาระ 3 คน รวมถึงตนเองที่จะเกษียณอายุราชการด้วย ทำให้องค์ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ปัจจุบันเหลืออยู่ 7 คน จากทั้งหมด 9 คน ก็จะทำให้องค์ประชุมลดลงไปอีก โดยหากยังสรรหาไม่ทัน และกรรมการเหลือเพียง 4 ท่าน ป.ป.ช.ก็จะไม่สามารถประชุมได้ และส่งผลให้การพิจารณาคดีในชั้นของกรรมการต้องล่าช้า แต่ในช่วงที่จะครบวาระเฉพาะประธาน ป.ป.ช.ในเดือนหน้านั้น ก็ยังทำให้ ป.ป.ช.พอที่จะทำงานต่อไปได้เพราะองค์ประชุมจะเหลือ 6 ท่าน จึงขอฝากทางวุฒิสภาช่วยกันพิจารณาสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีความซื่อสัตย์ สุจริตเข้ามาเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยเร็ว

Related Posts

Send this to a friend