POLITICS

‘ณัฐวุฒิ’ กลับรัง เปิดตัวนั่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย

‘ณัฐวุฒิ’ กลับรัง เปิดตัวนั่งผอ.ครอบครัวเพื่อไทย รับเป็นลูกน้อง ‘ทักษิณ’ อ้อนประชาชนร่วมสร้างปรากฎการณ์แลนด์สไลด์หยุดอำนาจเผด็จการ เปรียบการทำงาน 8 วัน ‘ชัชชาติ’ เหมือนร้องเพลง “วอนลมฝากรัก” ขณะ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ทำ 8 ปีเหมือนเพลง วอเอ๊ะๆๆๆ ซ้ำๆแต่ไร้ความหมาย

วันนี้ (15 มิ.ย. 65) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย เช่น นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมเปิดตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. เข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยมีแกนนำ นปช. เช่น เข่นนายแพทย์เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ มาร่วมให้กำลังใจด้วย

นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่าตลอด 3 เดือนหลังเปิดตัวครอบครัวเพื่อไทย ได้ทำงานหนักเพื่อรับฟังปัญหา ได้รับเสียงตอบรับที่ดีผ่านกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ทำให้ได้รู้ว่าวันนี้จะทำให้ครอบครัวเพื่อไทยแข็งแรงมากขึ้น พร้อมระบุว่าเราเสียเวลามามากกับเผด็จการ ต้องระดมคนที่รักประชาธิปไตยหลับมาอยู่ร่วมกัน วันนี้มั่นใจว่า “พี่เต้น” จะเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะทำให้บ้านหลังนี้เข้มแข็งมากขึ้น จะเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เกิดความแข็งแรง เราพูดเรื่องแลนด์สไสด์เพราะอยากให้ฝั่ง ประชาธิปไตยชนะ รู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้รับนายณัฐวุฒิเข้าครอบครัว เพราะไม่ใช่แค่รู้จักพรรคแต่ยังเข้าใจปัญหาประชาชนอย่างลึกซึ้ง

ด้านนายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่ายินดีและเป็นเกียรติที่ได้รับหน้าที่นี้ พร้อมร้องเพลง “แดงเสรีชน” สื่อสารถึงคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองมายาวนาน พร้อมยืนยันว่าไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนตนก็เป็นคนเสื้อแดง แต่หลังจากนี้บทบาทหน้าที่ของตน ขอให้ทุกคนเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เวทีคนเสื้อแดงแต่เป็นเวทีครอบครัวเพื่อไทยที่จะเดินขนานกับพรรคต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ชิงอำนาจรัฐกลับสู่พรรคเพื่อไทยเพื่อแก้วิกฤติให้ประเทศ

นายณัฐวุฒิ ยอมรับว่าภารกิจนี้เป็นเรื่องยาก ทำแค่สมาชิกพรรคหรือคนเสื้อแดงคงไม่ใช่เรื่องง่าย นี่เป็นพันธะสัญญาที่จะยืนยันร่วมกันตรงนี้ว่าไม่มีเวลาให้รัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป ประเทศไทยไม่เหลืออะไรให้ประยุทธ์และพวกกัดกินอีกต่อไป

ที่ผ่านมาตนถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่าเหตุใดต้องเป็นครอบครัวเพื่อไทย ตนเป็นนักการเมืองมา 10 กว่าปี สังกัดมาหลายพรรคแต่ละพรรคที่ตนเปลี่ยนไม่ใช่การขายอุดมการณ์ แต่เพราะยุบพรรคเพราะกติกาฉ้อฉน ตลอดเวลาในเพื่อไทย ระหว่างตนกับพรรคมีทั้งที่ถูกและผิดต่อกัน แต่อย่างไรที่นี่คือบ้าน ที่นี่คือบ้านผม ผมเกิด ผมโตที่นี่ ทุกครั้งที่มองไปในพรรค เห็นคนที่ตนรักและคนที่รักตน เห็นพี่น้องที่สู้ด้วยกัน อยู่ในประวัติศาสตร์ร่วมกัน แม้ก่อนหน้านี้มีหลายพรรคชวนไปร่วมงาน ตนน้อมรับด้วยไมตรี แต่ ตนนึกภาพตัวเองไม่ออกว่าถ้าต้องไปเผชิญหน้ากับคนที่นี่ในสนามเลือกตั้ง จะทำอย่างไร ตนเดินกลับมาที่นี่ ภาพจำเต็มไปด้วยความหวังอยู่ข้างหน้าในอนาคตที่จะสร้างด้วยกัน

เหตุผลส่วนตัวตนมาเพราะที่นี่เป็นบ้าน ส่วนเหตุผลส่วนรวมเรามีภารกิจร่วมกันคือต้องเอาชนะรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คืนความฝันให้คนไทย ให้มีรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีประสบการณ์แก้ปัญหาได้จริง จะทำได้มีทางเดียวคือต้องชนะเลือกตั้ง คว้าชัยชนะเด็ดขาดได้คะแนนแลนสไลด์ขับไล่เผด็จการไม่ให้ตั้งพรรคได้ และเชื่อว่าหากมีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยพรรคใดชนะเกินครึ่งต้องเป็นพรรคเพื่อไทย เพราะทำมาแล้ว 2 ครั้ง ตนเทสุดใจเพื่อภารกิจนี้เพื่อชัยชนะของเพื่อไทย และเป็นกำลังใจให้พรรคร่วมอุดมการณ์ เราจะแข่งขันโดยเสรีแล้วเอาชนะเผด็จการด้วยกัน ฝากการตัดสินใจไว้กับประชาชน แล้วจะทุ่มเททำงานเพื่อชัยชนะเป็นของประชาชน

และการถูกมองว่ากลับมาเพื่อเป็นลูกน้องอุ๊งอิ๊งทั้งที่ประสบการณ์มากกว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ตนเอาที่ตนสบายใจ และไม่ได้รู้สึกว่ามาเพื่อเป็นลูกน้อง แต่มาเพื่อทำงานร่วมกัน เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ต่างคนต่างมีบทบาทหน้าที่ ยืนยันมาเต็มหัวใจ เดินหน้าทำงานร่วมกัน 100% แน่นอน และจะจับมือไปกับพรรคจนสุดทาง ตราบใดที่พรรคยืนยันหลักการประชาธิปไตย แม้วันหนึ่งพรรคเปลี่ยนเส้นทางขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ในทางการเมืองถือว่าสุดทางรัก จะปล่อยมือ แยกทางที่ตรงนั้น

“…ผมรัก เคารพ ศรัทธาอดีตนายกทักษิณ เอาใจช่วย คาดหวังว่าวันหนึ่งแผ่นดินไทยจะใช้ศักยภาพระดับโลกของชายคนนี้มาแก้ปัญหา ทำให้คนไทย หายอดอยาก ปลดแอกผู้คนที่ทนมา 8 ปี ตนรอคอยศักยภาพของชายชื่อทักษิณ อยู่ตรงนี้ ดังนั้นถ้าพูดว่าณัฐวุฒิเป็นลูกน้องทักษิณขอชี้แจงว่าจริง ในหลักการเดียวกันตราบใดที่ทักษิณยังอยู่กับประชาชน กับประชาธิปไตย หากยังไม่ย้ายข้างก็ฝากความหวังไว้ได้ แต่สมมติทักษิณมีการเปลี่ยนแนวทางจาก ประชาธิปไตยไปเสียแล้ว กับทักษิณ ผมก็สู้ เวลาเท่านั้นจะเป็นคำอธิบาย ขณะเดียวกัน ถ้าณัฐวุฒิไม่ซื่อสัตย์ ขอให้คนเพื่อไทยใช้ปลายเท้าเขี่ยออกจากพรรค นาทีนั้นตนเป็นมนุษย์ไม่ได้ ขอให้สิ้นนับถือ ไม่ต้องเอ่ยถึงกันอีกต่อไป…“ ณัฐวุฒิ กล่าว

ในช่วงท้าย นายณัฐวุฒิ ยังเปรียบเทียบการทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าหลังเลือกตั้ง เห็นนายชัชชาติที่ทำงาน 8 วันกับพลเอกประยุทธ์ทำงาน 8 ปี แล้วอึดอัด ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนอธิบายได้ว่าถ้าเลือกสิ่งที่ถูกต้องก็ได้สิ่งที่ถูกต้อง พร้อมเปรียบเทียบว่าเหมือนนายชัชชาติร้องเพลง “ยามลมโชยมา…(วอนลมฝากรัก)” ให้ประชาชนฟัง ส่วนพลเอกประยุทธ์ร้องเพลง “วอเอ๊ะๆๆๆ” ที่เป็นเนื้อซ้ำๆ วนๆ แต่ไม่มีความหมาย แต่ยังวางแผนที่จะอยู่ต่อ

Related Posts

Send this to a friend