‘ส.ว.ซากี’ ส.ว.ยัน รอบ 2 ก็จะโหวตให้ ‘พิธา’ อีก ตามหลักการเสียงข้างมาก
‘ซากี พิทักษ์คุมพล’ ส.ว.ที่เห็นชอบให้ ‘พิธา’ เป็นนายกรัฐมนตรี ยัน รอบ 2 ก็จะโหวตให้อีก ตามหลักการเสียงข้างมาก แต่หากมีการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตที่ไม่ได้มาตามมารยาททางการเมือง จะของดอกเสียง
นายซากี พิทักษ์คุมพล สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ที่เป็น 1 ใน 13 เสียง เห็นชอบ ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ The Reporters ยืนยันว่า เหตุผลที่เห็นชอบให้นายพิธา เพราะเห็นการเมืองไทย ตั้งแต่ปฏิวัติ 2549 จนถึงวันนี้ จมอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองมาตลอดเกือบ 20 ปี และหลักการประชาธิปไตยที่มีอยู่ไม่สามารถตอบโจทย์การเมือง จึงต้องกลับมาที่หลักการประชาธิปไตย ด้วยการฟังเสียงของคนส่วนใหญ่
“การโหวตคุณพิธา ไม่ใช่การสำนึกบาป แต่เป็นการเคารพการเลือกตั้ง ถ้าพูดให้เป็นธรรม ก็เป็นกติกาเดียวของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เมื่อสามารถรวมเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นสิทธิ์ที่จะได้รับการเลือก ก็ต้องทำให้เหมือนกัน เป็นมาตรฐานเดียวกัน จะได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไปทำให้ไม่เหมือนกัน ก็ยิ่งสร้างปัญหา”
นายซากี ย้ำว่การยึดหลักเสียงข้างมาก การยอมรับเสียงข้างมากที่ประชาชนเลือกมา เป็นการเคารพประชาชน ซึ่งอาจถกเถียงในเรื่องตัวเลขว่าเป็นการเคารพ 14 ล้านเสียงจากประชากรทั้งหมด หรือผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตนเองคิดว่าต้องยึดจากผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
“ยอมรับว่าอาจถูกมองเป็นแกะดำ ของ ส.ว.ส่วนใหญ่ แต่ถ้าเราเชื่อมั่นในหลักการเสียงข้างมากไม่ได้หมายความว่าจะไปเลือก หรือนิยมชมชอบ พรรคใด พรรคหนึ่ง แต่ ส.ว.ควรจะแยกแยะได้ว่าการโหวตคุณพิธา เป็นการโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งมีช่องทางในการพิจาณากฎหมาย จึงเป็นการทำหน้าที่คนละเรื่องกัน ไม่ได้อยากให้นำการแก้ไข ม.112 มาเป็นเกณฑ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ผมเห็นด้วยที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ได้พูดอภิปรายว่ามีเวทีของรัฐสภาที่สามารถปกป้อง มรดกทางวัฒนธรรม แต่เมื่อมีการเลือกตั้ง ต้องเคารพฉันทามติของประชาชน”
นายซากี ยืนยันว่าหากในการโหวตครั้งที่ 2 มีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็จะยังโหวตเห็นชอบให้เหมือนเดิม แต่หากมีการเปลี่ยนชื่อแคนดิเดต ก็ต้องพิจารณาว่า มาจากพรรคอันดับ 1 และ อันดับ 2 หรือไม่ และมาตามมารยาททางการเมือง หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ก็จะขอสงวนสิทธิ์ งดออกเสียง เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่เคารพเสียงของประชาชนไปแล้ว
นายซากี ยังให้ความเห็นกรณีที่ พรรคก้าวไกล จะยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในการปิดสวิตซ์ ส.ว. เป็นสิ่งที่ดำเนินการ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ เห็นด้วย รวมถึงในการประชุมร่วมของ รัฐสภา แต่จะมีการลัดขั้นตอนการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของ ประธานรัฐสภาในการพิจาณา ส่วนจะมองว่าเป็นการแก้เกมที่ไม่ได้รับเลือกจาก ส.ว.หรือไม่ เพราะ ส.ว.งดออกเสียง เหมือนปิดสวิตซ์ตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเสนอวาระนี้เข้ามา เพราะการที่ ส.ว.งดออกเสียง ก็เป็นเหมือนการปิดสวิตซ์ตัวเอง และในการเสนอแก้ไขกฎหมายในสภาฯ ชุดก่อน ก็มี ส.ว.ที่เคยยกมือปิดสวิตซ์ตัวเองมาแล้ว จึงอาจมีการถามหา ส.ว.กลุ่มนี้มาสนับสนุนด้วย
