‘สุชาติ’ กล่าวแถลงบนเวที ILO ย้ำไทยพร้อมทำงานร่วมทุกฝ่าย
มุ่งสร้างความยุติธรรมทางสังคม เพื่อให้แรงงานทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวแถลงในการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 111 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมี นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ณ นครเจนีวา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล รวมทั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง เข้าร่วมการประชุม
นายสุชาติ กล่าวสนับสนุนแนวคิดของ กิลเบิร์ต เอฟ ฮองโบ (Mr.Gilbert F. Houngbo) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศคนใหม่ ที่ว่าการรวมกลุ่มระดับโลกเพื่อความยุติธรรมทางสังคม (Global Coalition for Social Justice) จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและเสริมสร้างความสามารถของรัฐสมาชิกในการบรรลุ ‘ความยุติธรรมทางสังคม’ ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของทุกคน
นายสุชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นและมีบทบาทเชิงรุกในการยกระดับความยุติธรรมทางสังคม และส่งเสริมงานที่มีคุณค่าทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ รวมทั้งตระหนักถึงความจำเป็นในการสนับสนุนหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน การขจัดความไม่เท่าเทียมโดยใช้กลไกการเจรจาทางสังคม การสร้างความยืดหยุ่นในช่วงเวลาวิกฤติ โดยส่งเสริมการจ้างงาน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันตลาดแรงงาน การขจัดช่องว่างระหว่างเพศในโลกแห่งการทำงาน การส่งเสริมนโยบายการโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงาน และการขยายขอบเขตการคุ้มครองทางสังคม
นายสุชาติ นำเสนอการดำเนินการของประเทศไทยในการสนับสนุนธุรกิจและแรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อสร้างความยุติธรรมทางสังคมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การรณรงค์ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ช่วยส่งเสริมสุขภาวะในการทำงาน และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน สนับสนุนสังคมยั่งยืนในประเทศไทย การส่งเสริมการจ้างงานและป้องกันการเลิกจ้าง โดยการจัดมหกรรมจัดหางาน Job Expo การฝึกงานที่มีคุณภาพยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การจ้างงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล รวมทั้งระบบการคุ้มครองแรงงานและการคุ้มครองสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อลูกจ้างทุกคน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้แน่ใจว่าแรงงานทั้งในและนอกระบบ ตลอดจนแรงงานที่เปราะบางและแรงงานข้ามชาติ มีรายได้ที่มั่นคง เข้าถึงบริการสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี การริเริ่มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะช่วยเปลี่ยนรูปแบบเงินสมทบและสิทธิประโยชน์ของระบบประกันสังคมให้หลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการออมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุของลูกจ้าง
“ผมขอยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการร่วมมือกับ ILO และประชาคมระหว่างประเทศว่า เราไม่สามารถสร้างความยุติธรรมทางสังคมได้จากความพยายามของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ระบบไตรภาคีและการบูรณาการระหว่างทุกภาคส่วน รวมถึงนายจ้างและลูกจ้างเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อโลกแห่งการทำงานที่ดีขึ้น และจะสำเร็จได้ด้วยการร่วมมือกัน ซึ่งประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคมร่วมกันต่อไป” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย