POLITICS

‘พิชัย’ เปรย ‘ก้าวไกล’ ขึ้นค่าแรงได้ก็ลองดู มองพรรคอื่นพูดเยอะ แต่พรรคที่ทำได้มีแค่ ‘เพื่อไทย’

‘พิชัย’ เปรย ‘ก้าวไกล’ ขึ้นค่าแรงได้ก็ลองดู มองพรรคอื่นพูดเยอะ แต่พรรคที่ทำได้มีแค่ ‘เพื่อไทย’ เมิน ‘ศรีสุวรรณ’ ร้องไปเรื่อย ขอเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน

วันนี้ (13 ธ.ค. 65) คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. จ.เลย นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส. จ.อุบลราชธานี และ น.ส จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว “นโยบายเพื่อไทย พูดแล้วทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น”

นายพิชัย กล่าวว่า ตามที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น

โดยเฉพาะนโยบายที่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาก คือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ในปี 2570 หรือ อีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถทำได้จริง ถ้าประเทศไทยสามารถขยายเศรษฐกิจปีละ 5% ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้ประเทศไทยมีการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งจะผลักดันให้ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พัฒนาสร้างงานและดึงดูดการลงทุนที่จะสามารถรับค่าแรงในระดับนั้นได้ และจะเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น

อีกนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ทันที คือ นโยบายที่จะลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยเข้าไปปรับเปลี่ยนแก้ไขโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงมาตลอดและจะสามารถเข้าไปแก้ไขและลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ได้ทันที เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นทิศทางของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าจะขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของไทยอย่างมาก

ด้านนางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ระบุ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท รักษาทุกโรค ตรวจสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนประเทศด้วยเทคโนโลยี บัตรประชาชนใบเดียว และรักษาได้ทุกสถานพยาบาล ทำให้ประชาชนคุณภาพชีวิตดีขึ้น

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าว The Reporters ยังสอบถามถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงนโยบายค่าแรง 600 บาท จึงเข้าข่ายครอบงำพรรคนั้น มองคำร้องนี้อย่างไร และ ดร.ทักษิณ มีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายพิชัย ตอบว่า บุคลิกภาพของนายศรีสุวรรณ กล่าวหาไปเรื่อย จนถูกชกบ้างอะไรบ้าง ส่วนตัวก็ไม่อยากเห็นความรุนแรง ซึ่งคณะทำงานด้านนโยบายมีการประชุมกันเยอะ ทุกนโยบายเราปิดห้องโต้เถียงพูดคุยกันอย่างเข้มข้น เพื่อระดมสมองกันออกมาเองในพรรค ส่วนการเสนอความเห็นในคลับเฮาส์นั้น หากมีความเห็นที่ดี เราก็รับนำมาคิดปฏิบัติ

ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวต่อสหภาพแรงงานโตโยต้า ความตอนหนึ่งว่า นโยบายค่าแรง 600 บาทของพรรคเพื่อไทย เป็นการตลาดทางการเมือง ซึ่งท้ายที่สุดอัตราอาจไม่ต่างจากนโยบายค่าแรง 450 บาทของพรรคก้าวไกล ที่จะปรับอัตโนมัติในแต่ละปีนั้น นายพิชัย มองว่า เมื่อไรก็ตามที่พรรคอื่นคิดมาเทียบกับพรรคเพื่อไทย แสดงว่าพรรคเพื่อไทยออกนโยบายที่โดนใจคน

“การที่เคลมว่าของเขาอย่างนั้นอย่างนี้ ถามว่าประชาชนพูดถึงมั้ย ประชาชนไม่พูดถึงใช่ไหม ประชาชนพูดถึง 600 ของเรา แสดงว่านโยบายของเราอิมแพคเยอะ พรรคเราเจอประจำ … ดีครับแข่งขันเรื่องนโยบาย ก้าวไกลจะคิดว่า ทำได้อะไรได้ก็ลองดู แต่ที่ผ่านมาพรรคที่ทำได้อย่างเดียวคือพรรคเพื่อไทย พรรคอื่นพูดเยอะ แต่สุดท้ายพรรคเดียวที่ทำได้คือเพื่อไทย” นายพิชัย กล่าว

Related Posts

Send this to a friend