POLITICS

‘ธีรัจชัย’ จี้ ป.ป.ช. รื้อคดีนาฬิกาเพื่อน ‘บิ๊กป้อม’

‘ธีรัจชัย’ จี้ ป.ป.ช. รื้อคดีนาฬิกาเพื่อน ‘บิ๊กป้อม’ หลังพบหลักฐานใหม่ พร้อมยื่น 3 ข้อเรียกร้อง กก.ป.ป.ช.

วันนี้ (13 ก.ย 65) ที่อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงข่าวถึงความคืบหน้ากรณีนาฬิกาเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แถลงต่อสื่อมวลชนในกรณีที่ได้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์มรดกของผู้ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อ้างว่าเป็นเพื่อนและได้ยืมนาฬิกาหรู 20 เรือน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วมีมติ 5 ต่อ 3 โดยเชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมาจริง จึงให้ยุติเรื่องดังกล่าว ซึ่งยังคงเป็นที่คลางแคลงใจของประชาชน เนื่องจากประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยเป็นอดีตรองเลขาธิการฝ่ายการเมืองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีที่มาจากการคัดเลือกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 และผ่านการเลือกโดยวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้ที่แต่งตั้งมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้ประชาชนสงสัยว่า การพิจารณาในเรื่องนี้อาจยังไม่สิ้นกระแสความ

ทั้งนี้ นายธีรัจชัยเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อครั้งที่ผ่านมา โดยได้มีการอภิปรายเรื่องนี้และชี้ประเด็นว่า ป.ป.ช.ควรมีการตรวจสอบในเชิงลึก และควรมีการตรวจสอบคดีการจัดการมรดกของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ โดยใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศในคดีอาญา 2535 ในการตรวจสอบบริษัทแม่ว่าใครเป็นเจ้าของนาฬิกาที่แท้จริง ไม่ใช่ปักใจเชื่อเลยว่าเป็นนาฬิกาของเพื่อน

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายในครั้งนั้นถูกประท้วงถึง 24 ครั้ง ซึ่งแสดงถึงบารมีของ พล.อ.ประวิตร ว่ามีมากเพียงใดทำให้การตรวจสอบเรื่องนี้เป็นไปได้ยาก

ภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมานายธีรัจชัย และคณะทำงานได้มีการตรวจสอบมรดกของเพื่อนพล.อ.ประวิตร เมื่อตรวจสอบแล้วทราบว่า มีคดีจัดการมรดกที่ศาลแพ่ง และได้ให้คณะ กมธ. ป.ป.ช. ขอเอกสารจากศาลแพ่งมาตรวจสอบปรากฏว่าในการจัดการมรดก บัญชีทรัพย์มรดกซึ่งปกติทายาทผู้ขอจัดการมรดกจะต้องสั่งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์มรดกของบุคคลที่พล.อ.ประวิตร อ้างว่าเป็นเพื่อนนั้นไม่ปรากฏว่ามีนาฬิกาหรูเป็นทรัพย์มรดกสักเรือน จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงรีบร้อนยุติเรื่องเร็ว

นอกจากนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 54 บัญญัติว่า ห้ามมิให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับหรือยกเรื่องที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ขึ้นพิจารณา

(1) เรื่องที่มีข้อกล่าวหาหรือประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสำคัญแก่คดี ซึ่งอาจทำให้ผลของคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปลี่ยนแปลงไป

(2) เรื่องที่เป็นคดีอาญาในประเด็นเดียวกันและศาลประทับฟ้องหรือพิพากษาหรือมีคำสั่งเสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่คดีนั้นได้มีการถอนฟ้องหรือทิ้งฟ้อง หรือเป็นกรณีที่ศาลยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดี คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะรับหรือยกคำกล่าวหานั้นขึ้นพิจารณาก็ได้

(3) ผู้ถูกร้องหรือผู้ถูกกล่าวหาตาย เว้นแต่เป็นกรณีร่ำรวยผิดปกติ นี่คือกฎหมายข้อเดียวที่เปิดโอกาสให้คณะกรรมการป.ป.ช.นำเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาใหม่ เพื่อคลายความสงสัยให้แก่ประชาชนจากกรณีนี้ว่ายังตรวจสอบไม่สิ้นกระแสความ

นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มาชี้แจงรายงานประจำปี 2564 ต่อสภาผู้แทนราษฎร ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงได้สอบถามไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อประเด็นนี้ที่พบหลักฐานใหม่คือ ในบัญชีทรัพย์มรดกของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ล่าสุดกลับไม่ปรากฏว่ามีนาฬิกาหรูสักเรือน คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะสามารถนำเรื่องพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ได้ แต่เมื่อตีความในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.แล้ว ควรจะตรวจสอบได้ และนี่คือโอกาสที่สำคัญที่สุดที่จะรักษาองค์กรในการตรวจสอบการทุจริตให้มั่นคง โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่มาที่ไปของกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งจะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้สิ้นกระแสความ และคลายความสงสัยให้แก่ประชาชน

อย่างไรก็ตาม นายธีรัจชัย ขอเรียกร้องในสามประเด็นดังนี้ 1.ขอให้มีการตรวจสอบเชิงลึก 2.ขอให้ตรวจสอบคดีจัดการมรดกให้ชัด 3. ขอให้ส่งหนังสือผ่านกระบวนการความร่วมมือของความร่วมมือระหว่างประเทศในคดีอาญาเพื่อขอข้อมูลจากบริษัทแม่ ซึ่งจะทำให้รู้ว่าใครคือเจ้าของนาฬิกาที่แท้จริง เพื่อเป็นการปกป้ององค์กร ป.ป.ช.ให้ยืนหยัดในหลักการของความตรงไปตรงมาโดยไม่สนใจถึงอำนาจบารมีของใคร

Related Posts

Send this to a friend