POLITICS

‘วีระ’ เตือน ไทยเสี่ยงเจอวิกฤตการคลัง หากยังจัดงบขาดดุลสูง จี้เร่งแก้งบผูกพัน

‘วีระ’ เตือนไทยเสี่ยงเจอวิกฤตการคลัง หากยังจัดงบขาดดุลสูง-ไม่สอดคล้องรายได้จริง จี้เร่งแก้งบผูกพันหวั่นพอกพูนจนเกิดกับดัก

วันนี้ (13 ส.ค. 68) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2-3

นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 สงวนความเห็น อภิปรายว่าการจัดทำงบประมาณรายประจำปี ซึ่งอาศัย พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ในการกำหนดกรอบกติกาและมาตรฐานในการบริหารรายได้ การใช้จ่าย และการก่อหนี้ของรัฐ เพื่อให้การเงินการคลังของประเทศมีความมั่นคงและยั่งยืน แม้จะดำเนินการอย่างรอบคอบก็จริง แต่จากประสบการณ์ที่เข้ามาทำหน้าที่กรรมาธิการ ตนเองมีความเป็นห่วงต่อสถานภาพทางการเงินและการคลังของประเทศในปัจจุบันและในอนาคตมากกว่าเดิม เพราะหากการบริหารการคลังยังมีวิธีคิดแบบเก่า หรือใช้วิธีการแบบเดิมอย่างในปัจจุบัน เราจะมีปัญหา และจะเจอวิกฤติการเงินการคลังในอนาคตอย่างแน่นอน

สิ่งที่เป็นปัญหามาตลอด และจะหนักหนาสาหัสมากขึ้นต่อไปในอนาคต คือการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล โดยในงบประมาณปี 2569 มียอดขาดดุล 860,000 ล้านบาท และประมาณการรายได้ไว้ที่ 2,920,600 ล้านบาท ซึ่งปัญหาคือการประมาณการที่ใช้ในการจัดทำงบปี 2569 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 1.3-3.3 ซึ่งตนเองมองว่าอัตราการขยายตัวน่าจะต่ำกว่านั้นมาก ทำให้การประมาณการรายได้สูงกว่าความเป็นจริง และทำให้ต้องนำเงินคงคลังมาใช้ และตามมาด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังในอนาคต นอกจากนี้ งบประมาณรายจ่ายจำนวนหนึ่ง ไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพราะเป็นเพียงการโอนเงินเท่านั้น เช่นการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับรัฐวิสาหกิจ สิ่งนี้เป็นภาระทางการคลัง ที่น่าห่วงใยมาก

การตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับประมาณการรายได้ ทำให้การตั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายนั้นสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ต้องกู้ยืมด้วยการทำงบประมาณขาดดุลเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงไม่ให้ขัดต่อกฎหมายเท่านั้น การบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายแบบนี้ นับวันจะสะสมพอกพูนความเสี่ยงทางด้านการคลังของประเทศมากขึ้น

การจัดเก็บรายได้เมื่อเทียบกับจีดีพี มีลักษณะทดถอย จากเดิมที่เคยเก็บได้ร้อยละ 19-20% แต่ปัจจุบันลงมาเหลือร้อยละ 14-15% ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย จึงขอตั้งสังเกตให้ได้คิดพิจารณากันในอนาคต หากดูไส้ในของงบประมาณสิ่งที่น่าตกใจและควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือภาระผูกพันในงบประมาณ ที่มียอดสูงถึง 1,656,643 ล้านบาท โดยเป็นภาระผูกพันใหม่ในงบปี 2569 จำนวน 352,091 ล้านบาท เท่ากับว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีในอนาคต จะมีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เกิดสภาพกับดักทางงบประมาณ เพราะเพราะมีภาระผูกพันที่พอกพูน ซึ่งแก้ไขยากหากไม่เริ่มแก้ไข ณ ตอนนี้

หากดูยอดงบประมาณที่มีการขาดดุลร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับจีดีพี เป็นอัตราที่เป็นอันตราย เพราะมาตรฐานในการขาดดุลงบประมาณ ไม่ควรเกินร้อยละ 3 ด้วยเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวต่ำ ตนอยากจะบอกว่า หากได้อ่านรายงานความเสี่ยงทางการคลัง ในงบประมาณปี 2567 และแผนการคลังระยะกลาง ปีงบประมาณ 2569-2572 ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะเกิดวิกฤติการเงินการคลังในอนาคต หากไม่แก้ไขตอนนี้ ตนจึงเสนอให้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ลงเป็นร้อยละ 10 เพื่อปรับฐานการเงินการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

Related Posts

Send this to a friend