POLITICS

วิโรจน์’ ยันไม่ถอยแก้ ม.112 เหตุเป็นสัจจะที่ชัดเจนกับประชาชน

หากต้องทำเพื่อแลกกับตำแหน่ง คงไม่ต้องมี ‘ก้าวไกล’ ถาม ส.ว.หนีโหวตถูกใครกดดันหรือไม่

วันนี้ (13 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังผลที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากไม่เห็นชอบให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าหากมีเงื่อนไขมาตรา 112 สามารถทดแทนกับการที่ ไม่สามารถตั้งรัฐบาลบริหารประเทศได้หรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในเรื่องมาตรา 112 เราประกาศชัดและพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษรใน 300 นโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล

เมื่อถามถึง ส.ว. ที่ออกมากล่าวว่าจะโหวตให้กับนายพิธา แต่วันนี้ไม่มาประชุม นายวิโรจน์กล่าวว่า ก็ต้องถามว่าทำไมเขาไม่มา และมีเหตุผลอะไรที่ไม่มา หากไม่ได้มาด้วยเหตุผลของตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเหตุที่ทำให้ท่านไม่มาก็ต้องถามว่าเป็นเหตุอะไร และไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจะมีกล้วยหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ไม่สามารถตอบได้ เพราะอยู่แต่ในห้องประชุม

เมื่อถามถึง ส.ว. ที่เป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่ไม่เข้าประชุมในวันนี้ ตนมองว่า เป็นเรื่องของสำนึกในหน้าที่ เขาไม่มาประชุมก็ไม่ถูกหักเงินเดือน แต่ได้ข่าวว่าเขาคืนเงินเดือน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องสำนึกหน้าที่ก็ต้องมี

ส่วนการโหวตนายกฯ ในครั้งหน้าเป็นวันที่ 19 ก.ค. ใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องไปหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีทีมงานในการหารือกันอยู่แล้ว ตนเป็นแค่สมาชิกพรรคและสมาชิกรัฐสภาเท่านั้น หากโหวตเมื่อไหร่ก็พร้อม

เมื่อถามว่า หากโหวตเตอร์ของพรรคก้าวไกล ขอให้ถอยเรื่องมาตรา 112 แค่เรื่องเดียวจะยอมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เราชี้แจงกับประชาชนอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา อธิบายเหตุผลในทุกเวที ตนคิดว่าถ้าเราให้สัจจะกับประชาชน ไม่ใช่แค่เรื่องมาตรา 112 เท่านั้น แต่อะไรก็ตามที่เราให้สัจจะกับประชาชนไม่ว่าจะเป็น “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” และอีกหลายๆ เรื่อง ตนคิดว่าการรักษาอุดมการณ์ และสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน ตนคิดว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด

“…ขอยืนยันอีกครั้งว่า ถ้าเราเอาเรื่องตำแหน่ง การเข้าสู่อำนาจเป็นหลัก และพร้อมที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง ถ่มน้ำลายรดฟ้า กลืนคำพูดที่เคยพูดไว้กับประชาชน คงไม่จำเป็นต้องมีพรรคก้าวไกล…” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะยอมหักแต่ไม่ยอมงอใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นการรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนและเรามีจุดยืน และคงจุดยืนเดิมดีกว่า

“…คำว่ายอมหักแต่ไม่ยอมงอ เหมือนกับเป็นการในเงื่อนไขเกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วน และเราก็ยืนยันในเงื่อนไขที่เพิ่งผุดขึ้นมา และไม่ยอมงอเปลี่ยนแปลง ประนีประนอม ซึ่งเรื่อง 112 ไม่ใช่เพิ่งผุดขึ้นมาเป็นเงื่อนไข แต่เป็นเรื่องเดิมที่ทุกท่านทราบอยู่แล้ว จึงคิดว่าเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องของยอมหักแต่ไม่ยอมงอ แต่อยู่ดีๆปรากฏว่าเราต้อง ทำลายจุดยืนของตนเองลบสัจจะตนเองเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า เพื่อเข้าสู่อำนาจ อย่างนั้นก็คงไม่ต้องมีพรรคก้าวไกล…” นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend