นิสิตนิเทศ จี้ ปล่อยตัวผู้สื่อข่าว คืนเสรีภาพให้สื่อมวลชน
นิสิตนิเทศ จุฬา ยืนสงบนิ่ง 11 นาที 2 วินาที จี้ปล่อยตัวผู้สื่อข่าว คืนเสรีภาพให้สื่อมวลชน ลั่น “รัฐบาลที่หนุนซอฟพาวเวอร์ ควรสนับสนุนเสรีภาพของสื่อ“
วันนี้ (13 ก.พ. 67) เวลาประมาณ 12:30 น. คณะกรรมการนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 11 นาที 2 วินาที โดยมีนิสิตจากคณะนิเทศศาสตร์และคณะอื่นๆในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรวมถึงอาจารย์เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อแสดงออกคัดค้านการจับกุมนักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ เมื่อวานนี้ โดยมีการนักสวมใส่เสื้อสีดำ ชูป้ายข้อความ เช่น เสรีภาพสื่อ = เสรีภาพประชาชน, ปล่อยพี่เป้มาทำข่าว, Journalism is not a crime, สื่อกำลังถูกปิดปาก, ทำข่าวควรอิสระ, คืนนักข่าวให้ประชาชน, อยากเป็นนักข่าว ไม่อยากเป็นข่าว และ รัฐยุติ-ธรรม เป็นต้น
นายอภิสิทธิ์ ฉวานนท์ นิสิตชั้นปีที่ 3 ผู้แทนนิสิตของคณะกรรมการนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จุดประสงค์ที่วันนี้เรานัดเพื่อนจุฬามาร่วมกิจกรรม เพื่อแสดงออกว่าการทำข่าวของผู้สื่อข่าวประชาและช่างภาพอิสระที่ถูกจับกุมตัวไปเมื่อวานนี้และจนถึงตอนนี้ยังถูกคุมขังอยู่ในคุก ตนเชื่อว่าหากวันนี้พวกเขาไม่ติดคุกพวกเขาคงมายืนร่วมทำข่าวอยู่ตรงนี้เพราะเชื่อว่าการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพและการทำข่าวก็เป็นเสรีภาพเหมือนกันไม่ควรมีใครต้องติดคุก เพราะฉะนั้น พวกเราเป็นคนที่เชื่อเรื่องเดียวกันที่เชื่อว่าการทำข่าวคือเสรีภาพของประชาชนเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชนเรามายืนตรงนี้ร่วมกันใช้พื้นที่เล็กๆในมหาวิทยาลัยรวมคนเท่าที่ได้เพื่อแสดงออกว่าตำรวจไม่ควรจับนักข่าวที่ทำข่าวและนักข่าวที่ทำข่าวก็ไม่สมควรต้องเข้าไปนอนในคุก
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากสื่อสารอะไรไปถึงรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีนี้บ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนักข่าวถูกจับไม่ควรเป็นเรื่องปกติเพราะไม่มีใครควรได้รับการกระทำเช่นนี้ นอกจากนี้เมื่อวานนี้ โรงภาพยนตร์ของประชาชนในจังหวัดลพบุรีที่เข้าร่วมแคมเปญ นิรโทษกรรม ประชาชน ถูกเจ้าหน้าที่สั่งระงับฉาย
“เราเชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากพลเรือน รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย รัฐบาลที่สนับสนุนเรื่องซอฟพาวเวอร์ ประเด็นด้านสื่อ ด้านเสรีภาพ เป็นประเด็นที่ควรต้องสนับสนุนและชูเป็นประเด็นหลัก โดยเฉพาะในรัฐบาลที่จะสมัครเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในเดือนตุลาคมนี้ เสรีภาพสื่อเป็นเรื่องที่ทั่วโลกจับตามองในปี 2024
เรื่องการจับกุมสื่อ เป็นเรื่องที่นายกเศรษฐา เป็นเรื่องที่คุณต่อศักดิ์ เป็นเรื่องที่ ผบ.ตร. เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ ไม่แพ้กรณีการบีบแตรในขบวนเสด็จฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน ยิ่งเป็นเรื่องเสรีภาพสื่อแล้วยิ่งต้องเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นเราคาดหวังให้หน่วยงานราชการ รัฐบาล และพรรคการเมืองทุกพรรคพูดถึงเรื่องนี้“ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ควรมีผู้สื่อข่าวคนใดถูกจับหรือถูกรุมกระทืบ เช่น กรณีลุงดร และขุนแผน แสนสะท้าน ถูกรุมทำร้ายจากกลุ่ม ศปปส. เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และไม่ควรมีโรงหนังที่ไหนถูกปิดจากการทำกิจกรรมทางการเมืองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำทางการเมืองและผู้มีอำนาจต้อง ยืนยันและเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ส่งข่าวออกมาโดยเร็วที่สุด
ส่วนในกลุ่มนักเรียนวิชาสื่อขณะนี้ รู้สึกกลัวเมื่อได้เห็นข่าวผู้สื่อข่าวถูกจับ เพราะไม่รู้เลยว่าเมื่อเรียนจบและได้ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวแล้ว ใครจะถูกจับจากการไปทำข่าวบ้าง จึงเป็นเหตุผลให้มาแสดงพลังในวันนี้ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยในวันข้างหน้าอาจจะเป็นพวกเราก็ได้ที่ถูกจับ
“ผมเชื่อว่าสื่อมวลชนทุกคนเชื่อในหลักการเดียวกัน แม้สื่อบางสำนักอาจมีข้อจำกัดของตัวเอง แต่เรื่องเสรีภาพสื่อควรเป็นเรื่องพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นสื่อไหนหรือสำนักไหน ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดแบบไหน เราควรยืนอยู่บนจุดเดียวกัน หลักการเดียวกัน คือสื่อมีเสรีภาพจริงหรือไม่”