POLITICS

นายกฯ ตรวจแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก จ.สุราษฎร์ธานี

นายกฯ ตรวจแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดความเดือดร้อนของชุมชนเมือง

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าแผนการพัฒนาชุมชนเมืองไชยา พร้อมแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ หลังทำเสร็จแล้ว 1 โครงการเร่งด่วน พร้อมเตรียมเดินหน้าแผนใหญ่ต่อหวังลดความเดือดร้อนประชาชน หยอดคำหวานดีใจได้มาไชยา ทราบมาตลอดคนใต้รักใครรักจริงขอให้เอาหัวใจมาพูดกันดีกว่า

วันนี้ (13 ก.พ. 66) เวลา 15.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและแนวทางการพัฒนา โดยมีหัวหน้าหน่วยราชการที่รับผิดชอบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการต่างๆ ประกอบด้วย กรมโยธาธิการและผังเมือง รายงานแผนการพัฒนาชุมชนเมือง โดยมี แผนงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่บริเวณชุมชนตลาดไชยา อาทิ การสร้างระบายน้ำการป้องกันปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งการจัดโครงการด้านการพัฒนาชุมชนในรูปแบบต่างๆ ภายใต้งบประมาณผูกพัน 2566 – 2568 รวม 120 ล้านบาท

กรมชลประทาน ดำเนินโครงการป้องกันน้ำท่วมซ้ำซาก โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและพร่องน้ำที่จะผ่านตัวชุมชนและตลาดเป็นหลัก อาทิ โครงการขุดลอกคลองผันน้ำ การปรับปรุงแก้มลิง และ ก่อสร้างอาคารส่วนประกอบต่างๆ เป็นต้น โดยในส่วนของรายละเอียดโครงการบรรเทาอุทกภัย และบริหารจัดการน้ำพื้นที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นการก่อสร้างระบบผันน้ำ เพื่อผันปริมาณน้ำส่วนเกินของคลองไชยาเลี่ยงตัวเมืองอำเภอไชยา โดยการใช้เขตคลองชลประทานสายใหญ่ที่มีอยู่ของโครงการฝายคลองไชยา โดยมีความกว้างเขตคลองสายใหญ่รวม 55 เมตร และการปรับปรุงฝายน้ำล้นเดิม ซึ่งระบายน้ำได้สูงสุด 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็นประตูน้ำเพื่อควบคุมผันน้ำหลากส่วนเกิน ไม่ไหลข้ามฝาย โดยผันออกฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของคลองไชยาแล้วระบายลงสู่ลำน้ำสาขาด้านท้ายน้ำ โดยผันน้ำบางส่วนไปกักเก็บในแก้มลิงส่วนที่เหลือระบายออกสู่อ่าวไทย

สำหรับ โครงการดังกล่าวได้รับงบประมาณปี 2564 จากเงินกู้ผลกระทบโควิด ดำเนินโครงการประตูระบายน้ำคลองหัววัว (ซึ่งเป็นโครงการย่อยภายใต้แผนงานใหญ่) แล้วเสร็จเมื่อปี 2565 ที่ดำเนินการแล้วเสร็จใช้งบไปแล้ว 34 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นแผนงานใหญ่ ระยะเวลาดำเนินการ 9 ปี คาดว่าใช้งบประมาณราว 3,800 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการและรอการจัดสรรงบประมาณ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ดีใจมาจ.สุราษฎร์ธานี เมืองเงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง ตนมาดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ประเด็นที่ต้องดูอีกเรื่องคือเกษตรสูงวัยเพราะปัจจุบันสินค้าเกษตรราคาตกหลายอย่าง ต้องดูตลาดทั้งในและต่างประเทศถ้ามีผลผลิตมากไปก็ถูกตัดราคา สิ่งที่ต้องทำคือเกษตรสมัยใหม่เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ

ประเทศอื่นอาจจะขายสินค้าราคาถูก แต่ของเราเน้นขายเรื่องคุณภาพที่อาจจะมีราคาแพงกว่า สิ่งที่ตนจะต้องดูต่อไปอีกคือเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวระบบโลจิสติกส์ การส่งเสริมสุขภาพประชาชน สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนายกฯ ทำคนเดียวไม่ได้ทุกคนต้องช่วยกัน ต้องเข้าใจกันไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ต้องมองไปข้างหน้า

สำหรับ เรื่องน้ำก็ต้องมาดูแนวทางแก้ไขปัญหาเพราะน้ำท่วมคนก็เดือดร้อนแต่ถ้าไม่มีน้ำคนที่ทำการเกษตรก็เดือดร้อนอีก ฉะนั้นเราต้องมาคิดว่าควรทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์เท่าเทียมกัน ตนทำมานานจึงรู้ปัญหาเหล่านี้ ส่วนเรื่องที่ทำกินก็เป็นปัญหาใหญ่เพราะมีประชาชนขาดที่ทำกินอยู่มาก ตอนนี้ก็พยายามรวบรวมเอาที่ดินป่าหมดสภาพเอามาแบ่งให้ประชาชนทำกิน โดยใช้ระบบคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติเข้ามาแก้ไข ปัญหาหลักๆ ของเรื่องที่ดินคือ พื้นที่ทับซ้อนต่างๆ เช่น ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ เรื่องพวกนี้ต้องรื้อทั้งระบบเอามาดูให้หมด เป็นเรื่องที่สะสมมานาน

ทั้งนี้ เช่นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ก็ได้ทำไปแล้วหลายโครงการ เรื่องบริหารจัดการธรรมชาติก็ทำมามากแต่ไม่เสร็จเสียที ก่อนหน้าตนก็ทำมานานแต่ไม่เสร็จก็ไม่รู้ไปทำอะไรกัน ความจริงไม่อยากไปตำหนิใคร ดังนั้นต่อไปต้องทำอย่างมีระบบเพราะตนเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ชักช้าน่ารำคาญ ต้องไปดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหนเพื่อจะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างดีที่สุด รัฐบาลทำเพื่อส่วนรวม พยายามพัฒนาและสร้างความมั่นคง จะทำอะไรได้ต้องมีงบประมาณต้องหาเพิ่มขึ้น ต้องบริหารจัดการอย่างดี ให้ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความเท่าเทียมความเป็นธรรม พยายามลงทุนเพื่ออนาคต

“ผมอยากให้ทุกคนมีความหวังประเทศไทย คนไทยแตกแยกกันไม่ได้ ในใจของตนมีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ใครที่ทำปัญหาทุจริตเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ต้องสอบสวนและไล่ออกไป ไม่ปกปิดกันเพราะการทุจริตโกงกินทำให้ประเทศชาติเสียหาย คนไทยจะเอาเปรียบกันไม่ได้ หลายเหตุการณ์ก็ถูกสอบสวนกันมามากแล้ว กระบวนการยุติธรรมของไทยมีก็ว่ากันไป เรื่องของกฎหมายก็มีความซับซ้อนแต่เรามีนักกฎหมายหลายคนที่เก่งๆ อยู่ตรงนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ดีใจที่ได้มาไชยา ทราบมาตลอดว่าคนใต้รักใครรักจริงมีคนเขียนโพยให้ตนพูดเยอะ แต่คิดว่าเอาหัวใจมาพูดกันดีกว่า เราเป็นคนแผ่นดินเดียวกัน

Related Posts

Send this to a friend