พลเอกเกรียงไกร หนักใจถูกเสนอชื่อชิงประธานวุฒิสภา ขอโฟกัสแก้ปัญหาชายแดนใต้

วันที่ (12 ก.ค.67) เวลา 08.30 น.พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 สว.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง เดินทางมารับหนังสือรับรองการเป็น สว.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมเปิดเผยถึงกรณีที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานวุฒิสภา โดยยอมรับว่ารู้สึกหนักใจ และขอขอบคุณสื่อที่นำเสนอให้ตนเองเป็นหนึ่งในแคนดิเดตชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา แต่ความตั้งใจที่มาเป็น สว.เพราะอยากทำงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นงานที่ต่อเนื่อง น่าจะใช้ประสบการณ์ความรู้ที่ผ่านมาไปแก้ไขปัญหาให้กับภาคใต้เกิดสันติสุขอย่างถาวร
ส่วนกรณีที่ สว.กลุ่มสี และ สว.กลุ่มอิสระ อาจสู้กันในสภาฯ นั้น พลเอกเกรียงไกร มองว่าทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีองค์ความรู้ในหลากหลายกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่ม ซึ่งในกระบวนการการเลือกถือว่าครอบคลุมหลากหลาย ทุกคนมีประสบการณ์ในอาชีพของตนเอง และก้าวเข้ามาอาสาที่จะดูแลประชาชนอาชีพของตนเอง ซึ่งเป็นบริบทของ สว.
ทั้งนี้ตนเองเป็นอดีตข้าราชการทหารจะถูกมองไปอีกมุมหนึ่งก็คงไม่เป็นไร เพราะอยากทำหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคง อยากใช้ประสบการณ์ที่เคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 มาทำให้เกิดสันติสุขในภาคใต้ แต่กระบวนการที่จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องของความแตกต่าง แต่ก็รับได้เพราะความหลากหลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการที่นำไปสู่จุดหมายเดียวกัน มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากรับฟังความเห็นของคนอื่นก็จะทำให้เกิดความรอบครอบมากยิ่งขึ้น
พลเอกเกรียงไกร ยังกล่าวถึงการทำงานของ สว.ชุดใหม่ในอนาคตว่สจากความหลากหลาย 20 กลุ่มอาชีพ ทำให้เกิดความได้เปรียบในเชิงปฏิบัติของผู้คน และการกลั่นกรองของ สว.ชุดใหม่ และกลุ่มที่ถูกจัดตั้งมา ขอให้มองย้อนกลับไปที่กระบวนการที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้ว คิดว่ามีทุกกลุ่ม เพราะการเข้ามาสู่กระบวนการเลือก สว.อยู่ในห้วงเวลาที่จำกัด ไม่มีเวลาหาเสียง จึงใช้การโทรหาผู้สมัครด้วยกันส่วนใหญ่ หรือรวมกลุ่มกันเพื่อเสนอโอกาสของตนเอง คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ส่วนมุมมองต่าง ๆ หรือข้อท้วงติงของสังคมก็อยู่ในกระบวนการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้การกินรวบตำแหน่งของ สว.เสียงข้างมากนั้น ถือเป็นเรื่องไม่แน่นอน ขอให้รอดูในวันเปิดการประชุม ซึ่งกระบวนการประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับในเสียงส่วนมากแต่ต้องไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อย รับฟังและนำมาเป็นจุดที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
เมื่อถามว่าหากมีคนเสนอชื่อเป็นประธาน มีความพร้อมหรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า “ก็แล้วแต่นะครับ แล้วแต่สมาชิก” มองว่าผู้ที่เป็นประธานวุฒิสภาต้องมีความเชี่ยวชาญหลายอย่างรอบรู้ทางด้านกฎหมายและมีวุฒิภาวะเป็นที่ยอมรับ ส่วนจะเป็นนักกฎหมายหรือนักบริหารก็แล้วแต่สมาชิก ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอใครก็ได้และคิดต่างกันได้ แต่ก็ต้องยอมรับในกระบวนการตกลงกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอใครก็ได้ สว. 200 คน มีโอกาสทุกคน คนที่เป็นประธานต้องรู้ระเบียบข้อบังคับการประชุมต่าง ๆ ส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสดูว่า สว. 200 คนมีใครเคยเป็น สว.แล้วบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่คุ้นเคยกัน เป็นบทบาทใหม่ที่เราต้องเรียนรู้กันในกฎระเบียบข้อบังคับ และหลักการในการทำงาน
สำหรับวุฒิสภาจะเป็นสภาฯ พี่เลี้ยงของสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่นั้น หากทุกคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบ ต้องทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง คิดว่าทิศทางนั้นจะเป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองเป็นหนึ่งใน สว.มีสี พลเอกเกรียงไกร ระบุว่า “ผมสีน้ำเงินเข้มอยู่แล้วครับ หมายถึงว่าผมมาจากทหาร สถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แดงขาวน้ำเงิน น้ำเงินแทบใหญ่มากอยู่ตรงกลาง”