’สมศักดิ์‘ ยัน ไม่ใช่การขู่แพทยสภา หลังเข้าวีโต้ ปม ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
’สมศักดิ์‘ ยัน ไม่ใช่การขู่แพทยสภา หลังเข้าวีโต้ ปม ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เตือน คนฟ้องศาลปกครองตามหลัง อาจทำให้แพทย์รุ่นใหม่ขาดความเชื่อมั่นต่อองค์กร เผย เป็นนักการเมืองที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
วันนี้ (12 มิ.ย. 68) ที่อาคารมหิตลาธิเบศร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการแพทยสภา เกี่ยวกับการใช้อำนาจยับยั้ง (วีโต้) มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย ว่า ใช้เวลา 15 นาที ในการชี้แจง พร้อมยื่นเอกสารประกอบ 10 หน้า โดย 2 หน้าเน้นประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแพทยสภา พร้อมแนบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อชี้ให้เห็นถึงความถูกต้องตามกฎหมาย และป้องกันปัญหาการลงคะแนนที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องในอนาคต เขาระบุว่า ฝ่ายกฎหมายแนะนำให้ยื่นเอกสารดังกล่าวในที่ประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การชี้แจงในที่ประชุมเน้นเหตุผลที่ใช้อวีโต้มติลงโทษแพทย์ทั้ง 3 ราย โดยระบุว่าการลงโทษนี้อาจกลายเป็น “บรรทัดฐานใหม่” ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายต่อผู้ป่วยในระยะยาว เขายกตัวอย่างกรณีโรงเรียนแพทย์ส่งผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ตรวจโรคเดียว แต่แพทย์ตรวจพบถึง 3 โรค ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่สะท้อนถึงความเอาใจใส่ในการรักษา เขากล่าวว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ควรถูกมองเป็นความผิด
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองได้เน้นย้ำ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา ซึ่งใช้เวลา 5 เดือนกว่ากับการส่งคำพิจารณาโทษลงไปอยู่ ๆ เป็นคณะกรรมการจริยธรรมกลั่นกรองจริยธรรมก่อนประชุมบอร์ด 7 วัน และใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงในการปรับแก้โทษทั้งหมด ซึ่งที่ประชุมอาจไม่ได้พิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนก่อนมีมติลงโทษ เขายังระบุว่า ได้ให้แนวทางในเอกสารประกอบ 4 ข้อท้าย โดยขอให้คณะกรรมการทบทวนมติหากรู้สึกผิดหรือพิจารณาว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิดของตนเอง
เมื่อถามถึง เหตุผลที่ต้องแนบคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในเอกสารนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนหรือโหวตตรงนี้จะเป็นปัญหาในวันหลัง มีบุคคลที่สามที่จะคอยฟ้องร้องต่าง ๆ ส่วนจะมองว่าเป็นการขู่ในการลงมติแพทยสภาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกฎหมายถ้าไม่บอกไม่เล่า การไปยื่นทีหลังไม่มีประโยชน์ ยืนยันไม่ได้เป็นการขู่ก่อนโหวตร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าวันนี้คณะกรรมการได้มีการสอบถามอะไรเพิ่มเติมบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไม่มีการสอบถาม เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องเข้าไปชี้แจงในเวลา 15 นาที ถ้าถามก็ตอบพอหมดเวลาเราก็ต้องออกตามมารยาท
ส่วนกรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นต่อการทำงานของแพทยสภา เรทติ้งตกไม่เห็นด้วยถึง 54% นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากการตัดสินใจไม่รอบคอบ ความน่าเชื่อถืออาจลดลงอีก ส่วนวลีในเอกสารว่า “ตีวัวกระทบคราด” นั้น เป็นการระบุว่า การลงโทษแพทย์ในครั้งนี้ไม่เพียงกระทบตัวแพทย์ แต่จะสะเทือนทั้งระบบทำให้แพทย์รุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อวงการแพทย์โดยรวม
ส่วนกรณีเครือข่ายแพทย์ 750 คน ล่ารายชื่อสนับสนุนมติแพทยสภา และบางกลุ่มเสนอให้ยกเลิกตำแหน่งสภานายกพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องดำรงควบนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ยึดติดกับตำแหน่งนี้ และทำหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อป้องกันการร้องเรียน เขาระบุว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่งานที่ง่าย ต้องพิจารณาหลายเรื่อง และบางครั้งต้องจัดการกับความขัดแย้งของผู้อื่น รวมถึงประวัติการทำงานว่าเป็นนักการเมืองที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และมุ่งทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ย้ำอีกว่า หากแพทย์ที่ถูกมติลงโทษต้องเผชิญคดีตามกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เขายังกล่าวถึงว่า การลงโทษแพทย์ในกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ “กรณีอดีตนายกรัฐมนตรี” ที่จบไปแล้ว แต่การลงโทษครั้งนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่และนักเรียนแพทย์รู้สึกกังวล
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการสัมภาษณ์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่หน้าอาคารมหิตลาธิเบศร มีกลุ่มมวลชนปักหลักชุมนุมตะโกนขับไล่นายสมศักดิ์ และตั้งคำถามว่า “สภานายกพิเศษมีไว้ทำไม” หลังนายสมศักดิ์สัมภาษณ์เสร็จ และขึ้นรถยนต์ออกจากพื้นที่ มวลชนบางส่วนได้มีการขว้างรองเท้าใส่รถยนต์ของนายสมศักดิ์ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากอาคาร
อีกทั้ง มีรายงานว่า การประชุมแพทยสภา มีกรรมการเข้าร่วม 68 คน ส่วน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เข้าร่วมประชุมในช่วงเช้าก่อนมอบหมายให้ผู้แทนเข้าร่วมประชุมแทน
