POLITICS

รองโฆษกรัฐบาล เปิดข้อมูล นทท.ต่างชาติไหลเข้าไทย 7.56 ล้านคน

ชี้ รัฐบาลไม่ทอดทิ้งภาคท่องเที่ยว แนะฝ่ายค้าน วิจารณ์บนข้อเท็จจริง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ได้ออกมาระบุถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า โควิด-19 คลี่คลายแล้ว แต่นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาประเทศไทยน้อย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ความรู้สึก โดยไม่ได้พิจารณาถึงข้อมูลความจริง ที่ขณะนี้ หน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่างเผยแพร่ข้อมูลสถิติที่ชี้ให้เห็นว่า การท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวดังกล่าวนั้น ส่งผลดีต่อการจ้างงาน การมีงานทำของแรงงาน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากมาย

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยถึงข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 ต.ค. 65 รวมแล้วกว่า 7.56 ล้านคน ส่วนช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ททท. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยในช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. 65 เดือนละ 1.5 ล้านคน ทำให้ภาพรวมปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน

น.ส.ไตรศุลี ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.คนดังกล่าวถามว่า รัฐบาลอ้างว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 6 ล้านคน ถึงสิ้นปีจะเพิ่มเป็น10 ล้านคน ไปเอาตัวเลขมาจากไหน ตนขอเรียนว่า ตัวเลขของรัฐบาลมีการจัดเก็บโดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ และประมวลผลโดย ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จนได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รายงานต่อรัฐบาล เพื่อใช้ในการดำเนินนโยบายต่างๆ

ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่า ตัวเลขผู้ที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศนั้น น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ผู้ที่ได้รับวีซ่าท่องเที่ยวจะพำนักในประเทศไทยได้นานที่สุด 45 วันเท่านั้น ด้วยระยะเวลาดังกล่าว ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถทำงานในประเทศไทยได้ ผู้จะทำงานในไทยได้ จะต้องได้รับอนุญาตให้ทำงาน หรือ มี Work Permit เท่านั้น

“ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ชี้ให้เห็นว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เห็นได้จากการเดินทางเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเป็นหลัก หากเป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเดินทางเข้าผ่านด่านทางบก ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รายงานว่า จากจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 7.56 ล้านคน ช่องทาง 3 อันดับแรกที่มีการเดินทางเข้ามาคือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3.99 ล้านคน ท่าอากาศยานภูเก็ต 9.81 แสนคน และท่าอากาศยานดอนเมือง 5.83 แสนคน ซึ่งเมื่อรวมเพียง 3 ท่าอากาศยานนี้ ก็คิดเป็นร้อยละ 73.51 ของจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดแล้ว ขณะที่การเดินทางผ่านด่านทางบก ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา 4.66 แสนคน และด่านหนองคาย 2.33 แสนคน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี ยังกล่าวว่า ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและส่งผลดีไปยังภาคต่างๆ โดยเฉพาะการบริโภคและการจ้างงาน เป็นเครื่องยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ทอดทิ้งภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ทำงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด วางมาตรการต่างๆ ร่วมกัน ขณะที่ ททท. ก็จัดกิจกรรมหาตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ นิ่งเฉย ก็คงไม่ได้เห็นข้อมูลภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่องดังที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้

ส่วนกรณีที่ได้มีกการระบุถึงการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ว่า หยุดชะงักในช่วงเกือบ 3 ปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เป็นสถานการณ์เดียวกับเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ขณะนี้สถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ก็ปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับภาพรวมของประเทศไทย เห็นได้จากข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ระบุว่า 9 เดือนแรกของปีนี้ โรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่ มีอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็นร้อยละ 49.11 จากร้อยละ 13.79 ในช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่จำนวนผู้เข้าพักรวม 3.83 ล้านคน จาก 1.05 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 264.22 มีผู้เดินทางเยี่ยมเยียนทั้งชาวไทยและต่างชาติรวม 5.94 ล้านคน จาก 1.92 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 209.31 เกิดรายได้การท่องเที่ยวจากผู้เยี่ยมเยียนรวม 3.87 หมื่นล้านบาท จาก 1.27 หมื่นล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 204.89

“การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลเป็นครรลองของระบอบประชาธิปไตย ที่แต่ละฝ่ายสามารถทำได้ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานที่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่การวิจารณ์นั้นควรเป็นการวิจารณ์ที่มีคุณภาพ อยู่บนข้อมูลความเป็นจริง ไม่ใช่เอาอคติและประโยชน์การเมืองเป็นที่ตั้งแล้วบิดเบือนข้อมูลจนอาจเกิดความเข้าใจผิดและไม่มีประโยชน์ใดๆ เกิดแก่ประชาชนเลย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Related Posts

Send this to a friend