‘วราวุธ’ วอน ประชาชนหยุดให้เงินขอทาน หลังพบขอทานรายได้เกือนแสนต่อเดือน

‘วราวุธ’ วอน ประชาชนหยุดให้เงินขอทาน หลังพบจำนวนขอทานเพิ่มขึ้น รายได้เกือนแสนต่อเดือน ย้ำ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

วันนี้ (11 มิ.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีมาตรการการดูแลขอทานในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ว่า ทางกระทรวง พม.ได้มีการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในกรุงเทพฯ เราได้ออกตรวจตรากันเดือนละ 5 ครั้งเป็นอย่างต่ำ มีการดำเนินการกับผู้ที่เป็นขอทาน ถ้าหากพิสูจน์แล้วว่าเป็นคนต่างชาติก็จะส่งกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม ถ้าหากว่าเป็นคนไทยก็จะดำเนินการต่างกันไป คือ จะส่งไปที่สถานดูแลคนไร้ที่พึ่งของกระทรวงฯ มีการฝึกวิชาชีพ สนันสนุนให้หางานทำ ทั้งนี้ต้องเรียนว่า หนึ่งในเหตุผลที่ทางกระทรวงฯ ได้สอบถามมาว่ามีขอทานบางท่านที่เข้ามาสู่ระบบแล้ว แต่กลับออกมาขอทานใหม่ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็จะมีการดำเนินคดี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ขอทานกลับมาขอทานใหม่ มี 2 ประเด็นคือ ค่าปรับที่ดำเนินคดีน้อยกว่ารายได้ที่ได้รับ และอีกประเด็นสำคัญคือ มีรายได้ดี ดีจนกระทั่งดูแล้วคุ้มเหลือเกินที่จะมาขอทานใหม่ เมื่อเทียบกับค่าปรับที่กฎหมายที่กำหนดไว้ โดยที่มาของแหล่งรายได้คือ นักท่องเที่ยว และคนทั่วไป เพราะสังคมไทยนั้นเอื้ออาทร มีความสงสาร ซึ่งขอทานรูปแบบใหม่ก็จะมีรูปแบบของการใช้เด็ก สัตว์เลี้ยง หากพบเด็กด้วยจะรีบดำเนินการทันที โดยพิสูจน์ว่าตัวเด็กกับผู้ใหญ่ที่มาด้วย เป็นญาติหรือลูกหลานกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จะมีการดำเนินการคดี

กว่า 10 ปีที่ผ่านมา (2557-2567) เราจับขอทานไปได้เกือบ 8,000 คน โดย 30% คือคนต่างชาติ และที่เหลือเป็นคนไทย การที่มีขอทานวนเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ หนึ่งในวิธีที่จะป้องกันปัญหาขอทานได้อย่างยั่งยืนนั้น จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนหยุดการให้ทาน ตามที่ได้สอบถามเหตุผลของขอทานแต่ละคนคือ ทำเพราะมีรายได้ที่ดี ไม่ต้องเสียภาษี ดำเนินการที่ใดก็ได้ จำนวนค่าปรับน้อยกว่ารายได้ที่หาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนขอทานที่เราพบมากที่สุดคือ บริเวณกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวชุกชุม

นายวราวุธย้ำว่า ทาง ครม. ตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามาทำงาน จะเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ทำงานกันตลอด 24 ชม. เมื่อได้รับรายงานมาก็จะออกไปแก้ไขทันที ส่วนทำไมต้องมีคนรายงานมีคนแจ้งเข้ามา แล้วถึงจะออกไปจับ ต้องบอกว่าทุกวันนี้เราจับขอทานกันเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ครั้นจะให้เจ้าหน้าที่ของเราออกไปตรวจตามจับขอทานทุกวันนั้น เจ้าหน้าที่ของเรายังมีมิติเรื่องเด็กเล็ก คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และอีกหลายกลุ่มที่ต้องดู ดังนั้นการที่วางตารางออกตรวจจับ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่สามารถทำได้ กับการที่จะให้ออกตรวจตราทุกวันนั้น กำลังเจ้าหน้าที่ของเรายังไม่พอ จึงต้องความความร่วมมือประชาชน 2 ส่วนคือ ในช่วงที่เป็นช่องว่างของการตรวจจากเจ้าหนาที่ไปตรวจลงพื้นที่ ถ้าพบเห็นให้แจ้งสายด่วน 1300 กระทรวง พม. พร้อมที่จะรับและออกไปดำเนินการในแต่ละที่ และขอความร่วมมือหยุดการให้ทานเสีย หากรายได้ไม่ดีก็คงจะไม่มีใครมาขอทาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีรายงานรายได้ที่ขอทานได้จากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนเท่าไหร่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ได้มีการยืนยัน แต่บางช่วงอย่าง high season ได้เกือบแสนก็มี หากอยู่ในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ ด้วยความไม่รู้ ก็จะให้ทานกันอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจำนวนเงินนี้ทำคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม การขอทานบางครั้งมีการทำงานเป็นขบวนการ ผู้ที่เป็นตัวกลางนั้นจะต้องโดนดำเนินคดีตามกฎหมาย หากสามารถจับตัวได้ว่า มีการใช้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด มาทำงานเป็นการขอทาน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย บางครั้งการที่มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาวางสายให้แต่ละคนอยู่ตามจุดต่าง ๆ เมื่อรวมรายได้กันแล้วก็ไม่แปลกใจ เพราะหลักหมื่นนั้นคิดว่ามีแน่นอน การที่เฉียดแสนอาจจะเป็นการรวมกันของหลาย ๆ คนเข้ามา ทำให้กลุ่มนี้อาจจะได้ถึงแสน โดยค่าปรับหลักพันถึงหมื่น แต่ขอทานได้รายได้มาเดือนละ 20,000 โดนปรับ 5,000 ก็ยังเหลือ 15,000 ในมุมมองคนที่มาทำอาชีพขอทานก็ถือว่าคุ้มค่า ดังนั้น การให้ทาน จึงเป็นการสนับสนุนให้มีการขอทานมากขึ้น และที่สำคัญการขอทานเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ในส่วนของขอทานที่ผลักออกประเทศไปแล้ว แต่ยังกลับมาทำอีก จะมีการดำเนินการอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะทางกระทรวง พม. คงจะไปตรวจตราเขตชายแดนไม่ได้ ต้องสอบถามทางหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองหรือตามช่องทางธรรมชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ของเราคงดูแลแค่ในกรณีที่พบขอทานแล้ว ครั้นจะให้ไปอยู่จุดผ่านแดนนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้