POLITICS

พรรคประชาชน เตรียม 30 ขุนพลถกแก้รัฐธรรมนูญ ไม่หวั่นญัตติยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยpolitics

วันนี้ (11 ก.พ.68) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 และหมวด 15/1 ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ ว่ามีความสำคัญ 2 ด้านคือ เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะเข้าใกล้สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากที่สุด นับตั้งแต่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในปี 2564 ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการของประธานสภาฯ ไม่เคยบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมมาก่อนอีกความสำคัญหนึ่งคือ หากรัฐสภาไม่มีมติเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งในครั้งหน้า

วาระการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่เป็นแค่ข้อเรียกร้องของพระแกนนำฝ่ายค้าน หรือเป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกฯ เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา ตนเองจึงคิดว่าบุคคลที่ควรมีส่วนสำคัญในการที่จะพยายามช่วยผลักดันให้วาระดังกล่าวสำเร็จคือนายกฯ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกลับไม่เคยสื่อสารเรื่องนี้ในที่สาธารณะ นอกจากนี้ยังเห็นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาประกบมีเพียงของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นในอีก 2-3 วันนี้อยากเห็นบทบาทของนายกฯ เข้ามาผลักดันวาระดังกล่าวให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

วันนี้เป็นการประชุม ครม.ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็หวังว่าจะมีสัญญาณอะไรออกมา ส่วนที่มี สว.บางคนออกมาให้สัมภาษณ์ เหมือนกับรัฐสภาไม่สามารถที่จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ ซึ่งหากไปเปิดดูคำวินิจฉัยเมื่อปี 2564 จะเห็นย่อหน้าสุดท้ายระบุว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ หรือบางคนอาจจะบอกว่าแม้รัฐสภาจะสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ก็ต้องทำประชามติ ก่อนที่จะมีการพิจารณาในวาระที่ 1 ตนต้องบอกว่าแม้รัฐสภาจะมีมติเห็นชอบแต่ก็ไม่ได้นำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที แต่ต้องมีการทำประชามติก่อนหลังวาระ 3 ตามมาตรา 256 (8) และหลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วก็จะต้องมีการทำประชามติอีกรอบ

พรรคประชาชนพยายามเต็มที่ในการสื่อสารกับสังคมและสมาชิกรัฐสภาเพื่อคลายทุกข้อสงสัย โดยเราจัดทัพคนที่จะอภิปรายไว้ประมาณ 30 คน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 โจทย์คือ โจทย์ที่หนึ่งจะอธิบายให้เห็นชัดว่าทำไมควรต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือทำไมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จึงมีปัญหา โจทย์ที่สองคือ เราเสนอให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร และโจทย์ที่สามคือ จะอภิปรายให้คลายข้อสงสัยและข้อกังวลระหว่างการอภิปราย

แม้เราจะคาดการณ์การลงมติล่วงหน้าไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอเมื่อปี 2563 และที่ประชุมรัฐสภามีมติรับหลักการไปแล้ว และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ เราจะเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่สอดคล้องกัน ไม่ได้มีการเสนอเนื้อหาอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่เคยเสนอเมื่อปี 2563 เลย อย่างไรก็ตามเรายินดีรับฟังทุกข้อทักท้วงและชี้แจงทุกข้อสงสัย

เมื่อถามว่าหากวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ ไม่ผ่านหรือมีการเสนอญัตติส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะทำอย่างไรต่อ นายพริษฐ์ กล่าวว่าต้องรอดูวันนั้น หากมีการเสนอญัตติให้ส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อน ตนเองก็จะอภิปรายว่าไม่เห็นด้วย ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราทำอยู่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทุกอย่าง รวมถึงเราต้องถามกลับว่าคนที่จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้นคาดหวังที่จะได้รับผลอะไร

หากลงมติแล้วไม่ผ่าน พรรคประชาชนคงจะต้องมีการหาแนวทางต่อไปในการผลักดันที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คำถามนี้ก็ควรที่จะทำรัฐบาลด้วย เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลเช่นกัน ขณะที่มวลชนมาปักหลักรอติดตามการพิจารณาในสภาฯ ด้วยนั้น การที่ประชาชนมาแสดงออกหรือชุมนุมอย่างสันตินั้น เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยอยู่แล้ว แน่นอนว่าอาจจะมีประชาชนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เรากำลังจะจัดทำ แต่เราก็ยินดีรับฟังทุกเสียง และขอให้สมาชิกรัฐสภารับฟังทุกเสียงด้วย ถือเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนที่ให้ความสำคัญกับวาระที่พิจารณาในสภาฯ อาจจะมาแสดงออกและดูว่ารัฐสภาคิดเห็นอย่างไร

Related Posts

Send this to a friend